กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ - ตอนที่ 59 มายาเนตรปีศาจ
อสรพิษเพศเมียคายไข่ขาวสะอาดออกมาสองใบ ภายใต้แสงจันทร์ ไข่งูสองฟองนั้นงดงามยิ่งกว่าไข่มุกเม็ดงาม
เมื่อพิจารณาโดยละเอียด อวิ๋นโม่ก็พบว่าไข่อสรพิษทั้งสองฟองกำลังดูดซับแสงจันทร์ จึงรู้สึกประหลาดใจมาก เขาเคยรู้มาว่าอสรพิษเหมันต์ชมชอบอาบแสงจันทร์ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าไข่ของพวกมันก็ต้องการดูดซับแสงจันทร์เช่นกัน
อสรพิษเหมันต์ทั้งสองตัวใช้ศีรษะดันไข่ทั้งสองฟอง จากนั้นหันไปทางแสงจันทร์ เริ่มการดูดซับแสง
อวิ๋นโม่แอบอยู่ในมุมมืด รอจนผ่านไปครึ่งคืน ดวงจันทร์เริ่มคล้อยต่ำ อสรพิษเหมันต์กลับไปยังสระน้ำเย็น เขาจึงปรากฏตัว ชายหนุ่มเดินอ้อมสระน้ำเย็นไปเด็ดผลมั่วซวีลงมาจากต้น แล้วรีบไปจากสถานที่อันตรายแห่งนี้
เมื่อกลับมาถึงรอยแยกบนหน้าผา อวิ๋นโม่ก็ใช้เวลากว่าครึ่งวัน หลอมโอสถเสริมกำลังให้คนบาดเจ็บผู้นั้นกินลงไป
เพียงไม่กี่ลมหายใจ โอสถเสริมกำลังก็เริ่มออกฤทธิ์ หมอกสีฟ้าถูกขับออกมา อวิ๋นโม่เป็นเพียงระดับเสริมกำลัง ร่างกายยังไม่มีลมปราณ ดังนั้นควันมัดวิญญาณจึงไม่เป็นอันตรายต่อเขา ควันมัดวิญญาณลอยอยู่ในอากาศครู่หนึ่งก็สลายหายไป
‘คนผู้นี้ไม่ธรรมดา พอกินโอสถเสริมกำลังลงไป นอกจากควันมัดวิญญาณที่ถูกขับออกมาแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นเจือปนอีก’ อวิ๋นโม่มองอย่างประหลาดใจ ผู้ฝึกยุทธ์โดยทั่วไป แม้เข้าสู่ระดับมโนสำนึกแล้ว เมื่อกินโอสถเสริมกำลังที่เขาหลอมลงไปก็ยังมีสิ่งเจือปนบางอย่างถูกขับออกมา
เมื่อเกิดผลเช่นนี้ แสดงว่าตอนที่คนผู้นี้อยู่ระดับเสริมกำลังนั้นผ่านการปรับพื้นฐานมาอย่างดี
‘ดูจากสภาพร่างกาย เขาสมควรฟื้นขึ้นมาในอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าเองก็สมควรไปได้แล้ว’ อวิ๋นโม่เทยาสมานแผลลงบนปากแผลของคนผู้นั้นอีกครั้ง จากนั้นหมุนกายจากไป
เมื่อออกจากหน้าผาแห่งนั้นมา อวิ๋นโม่ก็เตรียมล่าสัตว์อสูรขั้นที่หนึ่งและรวบรวมปราณชีวิตอีกครั้ง แต่ว่าที่นี่เป็นส่วนลึกของเทือกเขาเหนือเมฆา สัตว์อสูรส่วนใหญ่เป็นระดับสองขึ้นไป ยากที่จะหาสัตว์อสูรระดับหนึ่งเจอ เขาจึงได้แต่เดินออกจากส่วนลึกของภูเขา
ตลอดทางสัตว์อสูรระดับหนึ่งที่อวิ๋นโม่หมายตามีไม่มาก ดังนั้นปราณชีวิตที่เขาเก็บสะสมได้จึงค่อนข้างน้อย
หลังจากผ่านไปหลายชั่วยาม อวิ๋นโม่ที่กำลังล่าสังหารสัตว์อสูรระดับหนึ่งตัวหนึ่งก็พบว่ามีพลังอันแข็งแกร่งน่าครั่นคร้ามส่งออกมาจากส่วนลึกของภูเขา
“เป็นไปไม่ได้น่า เพิ่งตื่นขึ้นมาก็ต่อสู้กับศัตรูแล้วหรือ” อวิ๋นโม่ถึงกับพูดไม่ออกอยู่บ้าง เขาสัมผัสได้ว่าพลังปราณที่กำลังปะทะกันอยู่นั้นเป็นของคนที่ตนเพิ่งจะช่วยชีวิตเอาไว้
แต่ครู่ต่อมาก็พบว่านั่นดูเหมือนไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการสังหารหมู่มากกว่า เพราะศัตรูของคนผู้นั้นแสดงพลังเพียงไม่กี่กระบวนท่าก็สะท้อนความหวาดกลัวออกมา นี่สมควรเป็นฝีมือของคนผู้นั้น
“จะเป็นไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเจ้าโดนควันมัดวิญญาณไปแล้วหรือ” เสียงเกรี้ยวกราดดังออกมาจากส่วนลึกของภูเขา
จากนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือน ทุกอย่างสิ้นสุด พลังที่พลุ่งพล่านทั้งหลายต่างสลายไป
“ร้ายกาจ!” อวิ๋นโม่พึมพำ ‘ไม่รู้ว่ากว่าข้าจะไปถึงระดับมโนสำนึกต้องใช้เวลานานเท่าไร’
สัตว์อสูรที่ถูกอวิ๋นโม่ทำร้ายอาศัยจังหวะที่เขาใจลอย กระโดดหนีหายไป เขายิ้มขื่นพลางส่ายศีรษะ ตามหาสัตว์อสูรระดับหนึ่งต่อไป
หลังจากเดินไปอีกก้าวหนึ่ง ร่างกายของอวิ๋นโม่ก็ต้องแข็งค้าง เพราะมองเห็นสายรุ้งสายหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้า ทิศทางที่กำลังพุ่งมาก็คือบริเวณที่เขาอยู่
ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์ที่อวิ๋นโม่ช่วยชีวิตเอาไว้เหยียบอยู่บนสายรุ้ง เดินทางกลางอากาศ เพียงไม่นานก็มาถึงข้างกายอวิ๋นโม่
“ช่วยคนแล้วก็จากไป คนที่มีนิสัยเช่นนี้พบเห็นได้น้อยมาก” คนผู้นั้นสำรวจอวิ๋นโม่อย่างแปลกใจ เห็นได้ชัดว่าเขาสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำว่าอวิ๋นโม่คือผู้ช่วยชีวิตตน
อวิ๋นโม่ตัดสินใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ตัวแข็งเกร็งอยู่บ้าง กับคนพวกนี้เขาต้องระวังตัวให้มาก
“ก่อนหน้านี้เจ้าฆ่าจระเข้สามหาง ถือว่าช่วยชีวิตข้าครั้งหนึ่ง ข้าช่วยชีวิตเจ้าก็ถือว่าเราไม่ติดค้างกันแล้ว”
“การแสดงออกของเจ้าบอกข้าว่า นี่ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของเจ้า เจ้าคงกลัวว่าข้าจะตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นมากกว่า” คนผู้นั้นเดินลงมาจากกลางอากาศ ยืนอยู่ตรงนั้น มองอวิ๋นโม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เป็นแค่ระดับเสริมกำลังธรรมดาเท่านั้น แต่กลับสามารถกำจัดควันมัดวิญญาณออกจากร่างกายของข้าได้ เจ้าไม่ธรรมดาเลย” คนผู้นั้นเดินวนรอบตัวอวิ๋นโม่รอบหนึ่ง “อืม น่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ เจ้ากลัวว่าข้าจะสืบสาวไล่เรียง ขุดคุ้ยความลับของเจ้า จากนั้นก็แย่งชิงสิ่งดีๆ ไปจากเจ้า แล้วถือโอกาสฆ่าคนเสีย”
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
“เหอะๆ วางใจเถอะ ข้าไม่สนใจความลับของเจ้าหรอก อีกอย่าง ข้าก็ไม่ใช่คนที่จะตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น ที่มาตามหาเจ้าก็เพราะคิดจะตอบแทนเท่านั้น” คนผู้นั้นเผยรอยยิ้ม
“ไม่จำเป็น อย่างที่ข้าบอก พวกเราทั้งสองไม่เกี่ยวอะไรกันอีก” อวิ๋นโม่ส่ายหน้า
“มันไม่เหมือนกัน ข้ามีลางสังหรณ์ว่าต่อให้ข้าไม่ได้สังหารจระเข้สามหางตัวนั้น เจ้าก็สามารถหนีไปได้ ดังนั้นถือว่าข้าติดค้างเจ้า อีกอย่าง ทั้งๆ ที่เจ้าสามารถใช้ประโยชน์จากข้าเพื่อหนีจากจระเข้สามหาง แต่เจ้ากลับไม่ทำ นิสัยเช่นนี้ถูกใจข้านัก”
ถึงอีกฝ่ายจะพูดขนาดนี้แล้ว อวิ๋นโม่ก็ไม่ได้คลายความระแวดระวัง จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง เขาไม่อาจเชื่อถือคำพูดเพียงไม่กี่คำของฝ่ายตรงข้าม แม้กล่าวกันตามเหตุผลแล้ว คนผู้นี้จะแข็งแกร่งมากจนไม่จำเป็นต้องหลอกลวงเขาก็ตาม
พึงระวังให้มากจึงจะเดินเรือได้นานนับหมื่นปี* เท่าทันความคิดผู้อื่นจึงมีชีวิตยืนยาว อวิ๋นโม่รู้ซึ้งถึงเหตุผลข้อนี้ดี
“บุญคุณช่วยชีวิตย่อมต้องตอบแทน ข้าสมควรใช้สิ่งใดตอบแทนดี ให้ข้าลองคิดดูก่อน” คนผู้นั้นกุมคาง ครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
หลังผ่านไปหนึ่งเค่อ เขาก็เหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ จึงหันมาถามอวิ๋นโม่ “เจ้ารู้หรือไม่ ทำไมคนเหล่านั้นถึงตามฆ่าข้า”
“ระหว่างพวกเจ้ามีความแค้นต่อกัน ไม่ตายไม่เลิกรา ด้วยพรสวรรค์ยุทธ์ของเจ้า หากไม่รีบชิงสังหารเจ้าก่อน อีกไม่นานพวกเขาก็คงต้องโชคร้ายแล้ว” อวิ๋นโม่พูดสิ่งที่ตนเองคาดเดาเอาไว้ออกไป
“เจ้าพูดถูกเพียงครึ่งเดียว” คนผู้นั้นโบกนิ้วชี้เบาๆ
“อ้อ ยังมีเหตุผลอื่นอีกหรือ” อวิ๋นโม่รู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เป็นเพราะ… เจ้าสิ่งนี้!” คนผู้นั้นพลิกฝ่ามือหยิบแผ่นหยกสีดำขมุกขมัวชุดหนึ่งออกมา แผ่นหยกนี้ดูเหมือนข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนาน อวิ๋นโม่สัมผัสได้ถึงกลิ่นเน่าเปื่อยบางอย่าง นั่นคือกลิ่นอายของกาลเวลา!
“นี่คืออะไร” อวิ๋นโม่ถามเสียงเรียบเรื่อย แต่อันที่จริงหัวใจเต้นโครมคราม!
พอเห็นลักษณะของแผ่นหยกชุดนี้ สัมผัสถึงกลิ่นอายของมัน อวิ๋นโม่ก็รู้แล้วว่านี่คือทักษะวิญญาณอย่างหนึ่ง นามว่า มายาเนตรปีศาจ!
เขาถึงกับได้พบเห็นทักษะวิญญาณที่ผู้คนมากมายเสาะหาในสถานที่ที่กันดารจนไม่รู้ว่าอยู่มุมไหนในใต้หล้า
มายาเนตรปีศาจมีประวัติอันยิ่งใหญ่!
เนิ่นนานมาแล้ว แผ่นดินปรากฏยอดยุทธ์ที่โดดเด่นผู้หนึ่ง เขาฝึกสำเร็จถึงระดับจักรพรรดิสวรรค์ภายในช่วงเวลาแสนสั้น แต่ว่าคนผู้นี้มีนิสัยแปลกประหลาด วิชายุทธ์และเคล็ดลับที่คิดค้นขึ้นมาไม่เหมือนปกติ เต็มไปด้วยจิตวิญญาณชั่วร้าย จึงถูกคนขนานนามว่า จักรพรรดิมาร!
เพราะนิสัยอันแปลกประหลาด ทำให้จักรพรรดิมารผิดใจกับผู้คนจำนวนไม่น้อย อีกทั้งพรสวรรค์ยุทธ์ของเขาน่ากลัวเกินไป บางคนถึงกับบอกว่าจักรพรรดิมารอาจทะลวงพลังถึงขั้นเหนือระดับเทพสวรรค์ สัมผัสกับชีวิตนิรันดร์ เขาจึงเป็นที่หวั่นเกรงของจักรพรรดิสวรรค์องค์อื่นๆ แน่นอนว่ามีสายตาของจักรพรรดิสวรรค์จำนวนไม่น้อยที่มองมาด้วยความโลภ
หลังจากจักรพรรดิมารเข้าสู่ระดับเทพสวรรค์ได้ไม่นานก็ถูกจักรพรรดิสวรรค์องค์อื่นๆ ล้อมกระหนาบ แม้จะเปี่ยมพรสวรรค์อันโดดเด่น จักรพรรดิมารซึ่งเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตเทพสวรรค์ก็ไม่อาจต้านทานเทพสวรรค์จำนวนมาก สุดท้ายจึงถูกเทพสวรรค์หลายองค์ร่วมมือกันสังหาร
ก่อนตาย จักรพรรดิมารนำวิชายุทธ์และเคล็ดลับต่างๆ ที่คิดค้นมาทั้งชีวิตบันทึกลงบนแผ่นหยก หยกแต่ละแผ่นบันทึกวิชาแตกต่างกัน ผนึกที่ใช้ก็ไม่เหมือนกัน ผนึกเหล่านั้นลึกล้ำซับซ้อน จึงแทบไม่มีใครสามารถปลดมันได้ หากฝืนใช้กำลังเปิดออก ผนึกเหล่านั้นก็จะระเบิดตัวเอง ทำลายแผ่นหยกเป็นผุยผง จากนั้นจักรพรรดิมารก็วาดวิธีปลดผนึกลงบนแผ่นหยกที่แตกต่างกัน
ก่อนชีวิตจะดับสูญ จักรพรรดิมารส่งแผ่นหยกไปทั่วทุกมุมของจักรวาล แม้ต่างก็เป็นระดับเทพเหมือนๆ กัน แต่เทพสวรรค์องค์อื่นก็ไม่อาจยับยั้งการกระทำของเขา
นับแต่นั้นมา คนมากมายพากันค้นหาแผ่นหยกเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง วาดฝันว่าจะเจอวิชาสืบทอดของจักรพรรดิมาร และบรรลุถึงระดับเทพสวรรค์ในคราวเดียว
วันเวลาผันผ่านนานหลายปี วิชาและเคล็ดลับของจักรพรรดิมาร มีผู้รับไปไม่น้อย แต่ว่าวิชามายาเนตรปีศาจ ผู้คนค้นพบเพียงแผ่นหยกคลายผนึก แต่ไม่พบแผ่นหยกที่บันทึกทักษะวิญญาณ
อวิ๋นโม่ตื่นเต้นขนาดนี้ก็เพราะว่า วิธีคลายผนึกมายาเนตรปีศาจส่วนแรกถูกเปิดเผยและถ่ายทอดกันมานานแล้ว และเขาก็รู้วิธีคลายผนึกนี้!
“ของสิ่งนี้ข้าต้องทุ่มเทพละกำลังสุดชีวิตแย่งชิงมาจากซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง คุณค่าของมันไม่ธรรมดา เหตุผลที่พวกนั้นไล่ตามสังหารข้า ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะของสิ่งนี้ เพียงแต่น่าเสียดาย ข้าได้แผ่นหยกนี้มาตั้งนานแล้วแต่กลับไร้หนทางเข้าใจคุณค่าของมัน” ผู้กล้าวัยเยาว์ส่ายศีรษะด้วยความเสียดาย จึงไม่ทันสังเกตเห็นความตื่นเต้นในแววตาส่วนลึกของอวิ๋นโม่
………………………………………
*小心驶得万年船 Xiǎoxīn shǐ dé wàn nián chuán หมายความว่า การทำสิ่งใดควรทำอย่างรอบคอบจึงจะเกิดผลลัพธ์ที่ดี