กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 7 : การทดลองเนตรจุติ
ในใจของ คุโรโตะ เขาคิดว่า
จากการสนทนาระหว่าง มิซุย และ อังโกะ ในตอนนั้น เขาได้ตัดสินคร่าว ๆ ว่าสิ่งที่เรียกว่า “ภารกิจพิเศษ” ที่ มิซุย มอบให้ โอดะ และ อังโกะ นั้นน่าจะเป็นภารกิจในการติดต่อกับสายลับที่ โคโนฮะ แฝงตัวไว้ใน หมู่บ้านซึนะ
แต่หมู่บ้าน โคโนฮะ จะมอบภารกิจลับแบบนี้ให้กับนินจา 2 คนที่ยังอยู่ในการเฝ้าระวังได้อย่างไร?
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะทำเช่นนั้น
ดังนั้นสัญชาตญาณของ คุโรโตะ จึงถูกต้อง สิ่งที่เรียกว่า “ภารกิจพิเศษ” นี้คือกับดัก หมู่บ้านนี้ได้ละทิ้งนินจาเก่าที่อยู่ภายใต้อำนาจของ โอโรจิมารุ ไปแล้วและกำลังเก็บกวาดพวกเขาออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ทีละคนด้วยวิธีการที่สมเหตุสมผล
“เป็นแผนของ ชิมูระ ดันโซ งั้นเหรอ? หรือว่าท่านรุ่น 3? หรือจะเป็นท่านรุ่น 4?”
คนแรกที่เขาสงสัยก็คือ ดันโซ เพราะก่อนที่ โอโรจิมารุ จะออกจากหมู่บ้าน พวกเขาทำเรื่องเลวร้ายมาด้วยกันมากมายดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธว่า ดันโซ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ดันโซ น่าจะเป็นส่วนสำคัญของเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
และหากตัดสินโดยคิดว่าใครจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากความล้มเหลวทั้งหมดนี้อันเป็นผลมาจากการละทิ้งหมู่บ้านของ โอโรชิมารุ ผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ที่สุดก็คือ ดันโซ อย่างไม่ต้องสงสัยซึ่งเป็นผู้ที่โน้มน้าวให้ โอโรจิมารุ ออกจากหมู่บ้าน
ด้วยเหตุนี้ทั้ง ดันโซ และ โอโรจิมารุ อาจจะตัดความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้วโดยสิ้นเชิง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ ดันโซ จะต้องการกำจัดนินจาที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของ โอโรจิมารุ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับหน่วยราก
แต่อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ที่ความคิดนี้จะเป็นของ โฮคาเงะรุ่น 3 ก็ไม่สามารถตัดออกไปได้เช่นกัน เพราะรุ่น 3 เป็นคนประเภทที่สามารถทำสิ่งที่โง่เขลาเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความมั่นคงของหมู่บ้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ยังไม่นับรวบถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ เขี้ยวขาวแห่งโคโนฮะ ต้องฆ่าตัวตาย หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามความทรงจำของ คุโรโตะ จากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาอย่างเช่น เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามที่อาจเกิดขึ้นระหว่าง โคโนฮะ และ คุโมะ รุ่น 3 จึงกดกันให้ ฮิวงะ ส่งตัว ฮิอาชิ ให้ หมู่บ้านคุโมะ ตามคำเรียกร้องของพวกเขา เนื่องจาก ฮิอาชิ ได้สังหารหัวหน้านินจาของพวกเขา เป็นเหตุให้ ฮิซาชิ ต้องสละชีวิตแทนพี่ชาย หรือจะเป็นการที่ รุ่น 3 ปล่อยให้ อุซึมากิ นารูโตะ เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวเพื่อความปลอดภัยของ 9 หาง รวมไปถึงความหายนะที่เกิดขึ้นกับ ตระกูลอุจิฮะ
ด้วยเหตุผลที่หมดนี้ รุ่น 3 จึงยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สำหรับ โฮคาเงะรุ่น 4 คุโรโตะ คิดว่าเขาไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้
นี่ไม่ใช่เพราะความศรัทธาของเขาที่มีต่อ รุ่น 4 แต่เพราะความจริงที่ว่า รุ่น 4 เป็นนินจาที่มาจากตระกูลชาวบ้าน ดังนั้นเขาคงจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลใหญ่ หรือจาก รุ่น 3 ดังนั้น รุ่น 4 จึงไม่น่าจะมีอำนาจเพียงพอที่จะดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้เพียงลำพัง
ในขณะเดียวกัน รุ่น 4 ก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบจัดการกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยเพราะเขายังหนุ่มและความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่ถึงจุดสูงสุด ดังนั้นเขาสามารถจัดการกับเรื่องนี้ในภายหลังได้
ในระยะสั้น คุโรโตะ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิดและอยู่เบื้องหลังในการกวาดล้างครั้งนี้ แต่ที่รู้คือเขากลายเป็นเป้าหมายของอีกฝ่ายไปแล้ว ดังนั้น คุโรโตะ จึงรู้ว่าอันตรายอยู่เหนือหัวของเขาแล้วและเขาเหลือเวลาอีกไม่มากนัก
วันเวลาผ่านไปและตอนนี้ก็ผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ที่ อังโกะ ถูกลอบโจมตี ในที่สุด คุโรโตะ ก็ผ่านช่วงปรับตัวให้เขากับ เนตรจุติ แล้ว
อาการวิงเวียนศีรษะและรู้สึกเสียวซ่าหายไปอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นที่ครอบคลุม
เนตรจุติ มอบความสามารถทั้งหมดของ เนตรสีขาว ให้กับผู้ใช้ในรูปแบบที่ดีมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการตรวจจับภายในร่างกาย ด้วยการมองธรรมดา ๆ คุโรโตะ สามารถตัดสินการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของศัตรูได้คร่าว ๆ ผ่านการไหลของจักระและการขยายหรือหดตัวของกล้ามเนื้อ
นอกจากการปรับปรุงเรื่องการมองเห็นแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกอย่างใน คุโรโตะ ก็คือปริมาณจักระที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
คุโรโตะ ประเมินว่าปริมาณจักระในปัจจุบันของเขาอยู่ที่ประมาณ 45 ถึง 50 เท่าของก่อนที่เขาจะฉีดเซรุ่มปลุกยีน การเติบโตของจักระที่สูงเช่นนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัว
คุโรโตะ รู้สึกได้นิด ๆ ว่าเขาได้ปลุกความสามารถอื่น ๆ ขึ้นมาได้บ้างแล้ว แต่เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ที่ด่านชายแดน เขาจึงไม่สามารถตรวจสอบความสามารถของเขาได้ เพราะเขาไม่แน่ใจความสามารถเหล่านั้นจะมีผลต่อสภาพแวดล้อมหรือไม่
‘เราต้องไปยังพื้นที่ที่การเคลื่อนไหวของฉันจะไม่ถูกตรวจเจอ เราจะได้เข้าใจความสามารถปัจจุบันของฉันอย่างสมบูรณ์!’ คุโรโตะ คิดในใจ
เพื่อระงับความตื่นเต้นภายในใจของเขา คุโรโตะ จึงยังคงวิเคราะห์ต่อไปว่าการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขาหลังจากเสร็จสิ้นการปรับตัวให้เขากับ เนตรจุติ จะมีอะไรอีกบ้าง
…………………
ไม่กี่วันต่อมา ในที่สุดก็ถึงวันที่ คุโรโตะ จะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเพียงลำพัง
ในวันนี้ คุโรโตะ รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มีโอกาสทำความเข้าใจกับความสามารถของ เนตรจุติ ในตำนาน
“เฮ้อ…….!”
คุโรโตะ ยืนอยู่บนทะเลทรายสีเหลือง หายใจเบา ๆ และยื่นมือขวาไปขนานกับพื้น
ทันทีที่เขายื่นมือออกไป เขาก็สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของจักระ เขาจดจ่ออยู่กับมันและในที่สุด
“ย้า!!!!”
ด้วยความคิดเพียงครั้งเดียว พลังอันแข็งแกร่งก็พุ่งขึ้นไปในอากาศโดยมีเขาเป็นศูนย์กลางส่งผลให้ทรายสีเหลืองถูกพัดออกไปราวกับพายุเฮอริเคน!
เมื่อมองไปที่พายุทรายบนท้องฟ้าอันห่างไกลที่เกิดขึ้นเพราะเขา ปากของ คุโรโตะ ก็อ้าออกครึ่งหนึ่งด้วยความตกใจ
“แม่เจ้าโว้ย!”
วิชานี้เปรียบได้กับ ข่ายเทพพิชิตฟ้า และ หมื่นลักษณ์เหนี่ยวสวรรค์ ของ เพนวิถีสวรรค์ และหลักการก็คือการดูดและการผลัก ตามความทรงจำของ คุโรโตะ จากชาติก่อน เขาจำได้ว่า โอซึซึกิ โทเนริ ก็ใช้วิชานี้เช่นกัน
“ถ้ามันเป็นความสามารถพื้นฐานของ เนตรจุติ ถ้างั้นก็ต้องเรียกมันว่า จุติพิชิตฟ้า กับ จุติเหนี่ยวสวรรค์ ก็แล้วกัน”
จากนั้น คุโรโตะ ก็ได้ทดลองใช้ จุติพิชิตฟ้า กับ จุติเหนี่ยวสวรรค์ เพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้จักระและระยะการทำงานของวิชา
เมื่อความตื่นเต้นกับพลังใหม่ผ่านไป คุโรโตะ ก็ค่อย ๆ ค้นพบข้อบกพร่องของ จุติพิชิตฟ้า กับ จุติเหนี่ยวสวรรค์ นั่นก็คือระยะที่มีประสิทธิภาพอยู่ที่ประมาณ 15 เมตรและยิ่งระยะทางไกลเท่าไหร่ผลกระทบก็จะยิ่งลดลง
คุโรโตะ ขมวดคิ้วขณะหายใจหอบเนื่องจากการออกแรงมากเกินไป
คาถานินจาที่มีพลังโจมตีสูงกว่าระดับ C ส่วนใหญ่จะมีระยะการโจมตีได้มากกว่า 20 เมตรและบางคาถาอาจจะมีระยะการโจมตีไกลถึง 50 เมตร แม้แต่อาวุธสำหรับขว้างอย่าง คุไน , ดาวกระจาย และอื่น ๆ อย่างน้อยก็มีระยะโจมตีเกิน 20 เมตร
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเมื่อศัตรูเว้นระยะห่าง มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับ คุโรโตะ ที่จะควบคุมศัตรูด้วยการผลักและดึงได้ ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา ดีที่สุดเขาก็ใช้มันได้แค่เพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามาได้เท่านั้น
นอกจากข้อบกพร่องของระยะการโจมตีแล้ว ตอนนี้ คุโรโตะ ที่ยังคงหอบอยู่ก็ค้นพบข้อบกพร่องอีกอย่างของตัวเอง นั่นก็คือปริมาณจักระที่ยังต่ำเกินไป
อย่าเข้าใจผิด จักระของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40 ถึง 50 เท่านับตั้งแต่ เนตรจุติ ตื่นขึ้นมาซึ่งเป็นปริมาณที่เยอะมาก แต่การใช้คาถา จุติพิชิตฟ้า กับ จุติเหนี่ยวสวรรค์ หลายครั้งติดต่อกันก็ทำให้เขาสูญเสียจักระไปเกือบหมด
เขาเพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่าจักระที่เขามีในตอนแรกนั้นน้อยมากขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้นการที่เขาประเมินการเพิ่มขึ้นของจักระเป็นจำนวนเท่า มันก็ทำให้การคำนวณคลาดเคลือนไปเรื่อย ๆ
เนื่องจากปริมาณจักระก่อนหน้าของเขาอยู่ในระดับมาตรฐานของ จูนินระดับล่าง ซึ่งถือว่ายังน้อยเกินไป ดังนั้นแม้ว่ามันจะเพิ่มขึ้น 40 ถึง 50 เท่า แต่ปริมาณทั้งหมดก็ยังไม่มากเท่าไรนัก เพียงแค่แซง จูนินขั้นสูง เท่านั้น
ในสถานการณ์แบบนี้ มันยังห่างไกลจากความคิดของเขาที่จะสามารถใช้คาถานี้ได้อย่างอิสระ ได้อย่าง โอซึซึกิ โทเนริ ที่สามารถเล่นกับดวงจันทร์เป็นของเล่นได้หลังจากปลุก เนตรจุติ เขายังห่างไกลมากจนไม่สามารถเข้าใจความแตกต่างได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นถ้าเอาใช้ โอซึซึกิ โทเนริ เป็นมาตรฐานของพลัง เนตรจุติ มันก็มีแต่ทำร้ายจิตใจตัวเองสะเปล่า ๆ
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ?”
“ปัญหามันคืออะไรกันแน่?”
“วิธีการพัฒนา เนตรจุติ ของฉันผิดพลาดหรือเปล่า?”
คำถามเกิดขึ้นในใจของ คุโรโตะ อีกครั้ง
หลังจากสับสนอยู่พักหนึ่ง ด้วยความสงสัยวิตกกังวลและถึงกับตื่นตระหนก ในที่สุดเขาก็สงบลงและหลังจากคิดอีกครั้งปริศนาก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็คลี่คลาย
ตามความทรงจำของชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา คนเดียวที่สามารถปลุก เนตรจุติ ได้ก็คือ โอซึซึกิ โทเนริ ดังนั้น คุโรโตะ จึงเชื่อเชื่อสนิทใจว่าตราบใดที่เขาปลุก เนตรจุติ ได้ เขาก็จะได้รับความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับ โอซึซึกิ โทเนริ
แต่เมื่อคิดดูแล้ว ขนาด ขีดจำกัดสายเลือด ก็ยังให้ความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคล
เมื่อลองคิดแบบนี้แล้ว เนตรสีขาว ก็เช่นกันเพราะมี นินจาฮิวงะ ที่เก่งกว่า คุโรโตะ อยู่อีกหลายคน เช่นเดียวกับ เนตรวงแหวน เมื่อเทียบกับ มาดาระ แล้ว สมาชิกตระกูลอุจิฮะ คนอื่น ๆ ก็เหมือนกับมด
ตามเนื้อเรื่องในการ์ตูนแล้ว โอซึซึกิ โทเนริ เป็นลูกหลานของตระกูล โอซึซึกิ ที่เหลืออยู่บนดวงจันทร์ เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงซึ่งมีมรดกความรู้และบันทึกทั้งหมดที่เป็นของตระกูล โอซึซึกิ อยู่ในมือ ทำให้เขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งพื้นฐานของเขาให้ถึงระดับ คาเงะ ได้ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถปลุก เนตรจุติ ขึ้นมาได้ก็ตาม
และแน่นอนว่าหลังจากที่เขาปลุก เนตรจุติ ขึ้นมาได้แล้ว โทเนริ ก็เข้าถึงความแข็งแกร่งระดับ สุดยอดคาเงะ ได้ในทันที
ฮิวงะ คุโรโตะ ในตอนนี้ยังไม่สามารถเทียบได้กับขุมพลังอันมหาศาลแบบนั้นจริง ๆ
การเริ่มต้นของ คุโรโตะ และ โทเนริ นั้นไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลแล้วที่ คุโรโตะ จะยังไม่สามารถปลุกความแข็งแกร่งระดับ สุดยอดคาเงะ ได้เหมือนกับ โทเนริ ด้วย เนตรจุติ
หลังจากเข้าใจประเด็นนี้แล้ว คุโรโตะ ก็ผ่อนคลายลง
จากนั้นเขาก็ลองใช้วิชาอื่น ๆ แต่เขาก็พบว่ายังไม่สามารถทำได้ เขาไม่สามารถเข้าสู่ โหมดจักระเนตรจุติ ได้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะผ่าดวงจันทร์ออกเป็น 2 ซีกเหมือนกับที่ โทเนริ ทำ หรือจะใช้ ลูกแก้วแสวงสัจธรรม หรือความสามารถอื่น ๆ ของพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้ในตอนนี้
“อืมม หรือว่าจะต้องประสานอินเพื่อเข้าโหมด โหมดจักระเนตรจุติ รึเปล่านะ?”