กำเนิดใหม่ทายาทเนตรจุติ - ตอนที่ 35 : เผยความลับ
Chapter 35 : เผยความลับ
ตามความทรงจําของคุโรโตะชิออน น่าจะอายุพอ ๆ กับ นารูโตะ และแม่ของเธอมิโรค , แม่มดแห่งแคว้นโอน ได้สละชีวิตตัวเองในการผนึกเพื่อปกป้องลูกสาวของเธอและจากรายละเอียดภารกิจดูเหมือนว่าตอนนี้คือช่วงเวลานั้นแต่มันเป็นความบังเอิญที่ทําให้คุโรโตะรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่า คุโรโตะ ยังคงกังวลเกี่ยวกับบางสิ่ง ชิซุยจึงตัดสินใจหันเหความสนใจของคุโรโตะไปยังความคิดอื่นและถามว่า“คุณคุโรโตะคิดยังไงกับภารกิจที่ใช้ประเมินนี้ครับ?”
คุโรโตะ ที่กําลังยุ่งอยู่กับการระดมสมองตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “แคว้นโอนิตั้งอยู่ระหว่างแคว้นแห่งลมกับแคว้นแห่งดินเป้าหมายของภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับปีศาจจากอีกโลกหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาน่าจะไม่ได้ขอแค่ความช่วยเหลือจากเรา เพียงหมู่บ้านเดียว พวกเขาน่าจะขอความช่วยเหลือจาก หมู่บ้านซึนะและหมู่บ้านอิวะด้วย ดังนั้นภารกิจนี้จะต้องเกี่ยวข้องหมู่บ้านนินจาหลายแห่งพูดง่าย ๆ ก็คือมันเป็นปัญหาอย่างมาก”
ชิซุย พิมพ์ด้วยความสงสัยเล็กน้อย“ปีศาจจากอีกโลกหนึ่งจะหน้าตาเป็นยังไงกันน่า?”
คุโรโตะ ครุ่นคิดเล็กน้อยและตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลบางอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับโมเรียวกับเพื่อนร่วมทีมของเขา“ฉันเดาว่าปีศาจตัวนั้น อย่างน้อยก็ควรมีระดับจักระเท่ากับสัตว์หางไม่อย่างนั้นท่านรุ่น 3 คงจะไม่ให้มันเป็นภารกิจระดับ S”
“จักระระดับสัตว์หาง…” หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งชิซุยก็กระซิบบอกคุโรโตะด้วยเสียงต่ำๆ “คุณคุโรโตะผมมีแผนที่จะจัดการกับสัตว์หางได้อย่างรวดเร็วแต่ถ้าผมใช้แผนนั้นแล้วผมจะสูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้
คุโรโตะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ชิซุยพูดอย่างมากคุโรโตะรู้ว่าชิซุยมีเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาและรู้ถึงความสามารถพิเศษของเนตรนั้นแต่คุโรโตะก็ไม่คิดว่าชิซุยจะเปิดเผยข้อมูลนี้กับเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้เพราะพวกเขาเพิ่งรู้จักกัน
ความไว้วางใจนี้หรือความไร้เดียงสานี้ของเขาทําให้เขาถูกทรยศด้วยน้ำมือของชิมุระดันโซ ในที่สุด
คุโรโตะ พูดอย่างเคร่งขรึมหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง“ตอนที่เราสู้กันเมื่อวานฉันรู้สึกได้ว่าเนตรของเธอแตกต่างจากเนตรทั่วไป”
เมื่อได้ยินคําพูดอันเคร่งขรึมของคุโรโตะชิซุยก็ดูลังเลอยู่ครู่หนึ่งดูเหมือนว่าเขาต้องการจะพูดอะไรแต่เขาก็กลัวที่จะพูดออกมา
เมื่อสังเกตเห็นความลังเลของชิซุยคุโรโตะยิ้มและพูดว่า“เธอไม่จําเป็นต้องอธิบายให้ฉันฟังหรอกทุกคนมีความลับเป็นของตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วความลับเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทําให้ผู้คนมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวตราบใดที่เธอไม่เป็นอันตรายต่อหมู่บ้านความลับของเธอจะเป็นเรื่องดี”
ชิซุย ถอนหายใจอย่างโล่งอกกับคําพูดปลอบโยนของคุโรโตะและพูดอย่างจริงใจ“ขอบคุณครับคุณคุโรโตะ!”
คุโรโตะ โบกมืออย่างเฉยเมย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันที่จริงฉันเองก็มีความลับอยู่ 2 – 3 อย่างจริงๆแล้วฉันเองก็มีวิชาลับที่สามารถจัดการกับสัตว์หางได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน”
สิ่งที่ คุโรโตะ พูดไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
คาเสะคาเงะรุ่น 3 เป็นที่รู้จักกันดีในนามคาเสะคาเงะที่แข็งแกร่งที่สุดเขาสามารถจัดการกับ 1 หางด้วยคาถาแม่เหล็กของเขาและเนื่องจากคุโรโตะมีหุ่นเชิดคาเสะคาเงะรุ่น 3 อยู่ในมือดังนั้นคุโรโตะจึงมีความสามารถในการต่อสู้กับความแข็งแกร่งของสัตว์หางโดยธรรมชาติแม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
เมื่อได้ยิน คุโรโตะ พูดแบบนั้น ชิซุยยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แน่นอนครับผมเองก็รู้ว่าคุณยังไม่ได้ใช้กําลังทั้งหมดในการต่อสู้เมื่อวานนี้เช่นกันคุณคุโรโตะ!”
การแบ่งปันความลับเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการใกล้ชิดกันอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากพูดคุยกันเพียงสั้น ๆ มิตรภาพระหว่างคุโรโตะและชิซุยก็ดีขึ้นมาก
แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าทั้งคู่เป็นสมาชิกของตระกูลขุนนางและเป็นนินจาที่มีขีดจํากัดสายเลือดรูปแบบวิชาเนตรดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาจึงคล้ายกันมากกว่าที่คิดและ เป็นไปตามคําพูดที่ว่าคนแบบเดียวกันต้องอยู่ด้วยกัน
ด้านหน้าของทีม
คาคาชิ หันกลับมาหลังจากเห็นคุโรโตะและชิซุยคุยกันอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับไกที่วิ่งอยู่ข้างๆเขาว่า“ดูเหมือนคุโรโตะจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นพิเศษในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจริงๆ!”
ไก ยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “พูดได้แล้วเหรอ? ฮิฮิเขาไม่ได้ด้อยไปกว่า พรสวรรค์ที่นายมีเลย!”
“ใช่ ใช่” คาคาชิ ก้มหน้าและไม่พูดอะไรอีก
หลังจากบอบช้ําจากเรื่องที่พ่อฆ่าตัวตายก่อมาก็ต้องมาเสียเพื่อนร่วมทีมทั้งโอบิโตะและรินไปหลังจากนั้นก็การตายของมินาโตะ , อาจารย์ของเขาทั้งหมดนี้ทําให้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมไม่แยแสและไม่สุงสิงกับใครเขาจะพูดมากกว่า 2 – 3 คําก็ต่อเมื่อเขาอยู่กับคนที่เขานับว่าเป็นเพื่อนเท่านั้น
สมาชิกทั้ง 4 คนของทีมชั่วคราวที่ 11 เป็นนินจาที่โดดเด่ดที่สุดในบรรดานินจารุ่นใหม่ของโคโนฮะและความเร็วในการเดินทางของพวกเขาก็เร็วมากจนน่าอัศจรรย์ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์พวกเขาก็เดินทางมาจนถึงพรมแดนและเข้าสู่แควันแห่งฝนในถ้ำแห่งหนึ่ง
ทั้ง 4 คนนั่งรอบกองไฟเล็ก ๆ ขณะวิเคราะห์เส้นทางถัดไป
ระหว่าง แคว้นแห่งไฟ และ แคว้นโอนมีแคว้นเล็ก ๆ อยู่หลายแห่งอย่างเช่นแคว้นแห่งฝน , แคว้นโทริ,แคว้นคุมะปัจจุบันมีนินจาถอนตัวหลายคนซ่อนตัวอยู่ในแคว้นเล็กๆ เหล่านี้หากไม่ระมัดระวังในการเลือกเส้นทางการจะได้เผชิญหน้ากับศัตรูก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้ดังนั้นเพราะความเร่งด่วนของภารกิจจึงต้องเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง คาคาชิที่ทําสัญลักษณ์บนแผนที่เสร็จแล้วก็เก็บแผนที่ไป
ในเวลานี้ ไก ก็พึมพําว่า “สภาพอากาศของที่นี่แย่มาก ฝนตกตลอดทั้งวันเหนี่ยวตัวชะมัด”
ในฐานะหัวหน้าทีม คาคาชิจึงอธิบายตามหน้าที่ว่า“ถึงแม้แคว้นแห่งฝนจะเล็กแต่ก็มีหมู่บ้านนินจาเป็นของตัวเอง
พวกเขามีนินจาครึ่งเทพอย่างฮันโซเดอะซาลาแมนเดอร์เป็นผู้นําของหมู่บ้านอาเมะดังนั้นพวกเราต้องระวังตัวเป็นพิเศษขณะเดินทางในแคว้นนี้”
ทั้ง ไก และ ชิซุย พยักหน้าอย่างจริงจังกับคําพูดของ คาคาชิ
ฮันโซเดอะซาลาแมนเดอร์เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกของนินจา
ฉายา 3 นินจาแห่งโคโนฮะ ก็ได้รับการตั้งขึ้นโดยฮันโซ
คุโรโตะ พิงผนังถ้ำและคิดกับตัวเองว่า“จากไทม์ไลน์ ฮันโซน่าจะถูกนากาโตะฆ่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ซาโซริ และ โอโรจิมารุ ได้เข้าร่วมกับแสงอุษาเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็หมายความว่าแสงอุษาได้เปลี่ยนไปจากตอนที่ยาฮิโกะเป็นผู้นําและนางาโตะก็ขึ้นเป็นผู้นําแทน
เท่าที่ คุโรโตะ จําได้ หลังจากที่ นากาโตะ ขึ้นเป็นผู้นํา สิ่งแรกที่เขาทําก็คือการแก้แค้นให้กับการตายของยาฮิโกะและเข้าควบคุม แคว้นแห่งฝนจากเงามืด
และหลังจากการจากไปของยาฮิโกะนากาโตะก็ไม่สนใจความดีหรือความชั่วหรือถูกผิดอีกต่อไป
เมื่อเทียบกับโมเรียวที่ทําลายแคว้นโอนิและบริเวณโดยรอบแล้วองค์กรแสงอุษาภายใต้การนําของนางาโตะเป็นกลุ่มของสัตว์ประหลาดตัวจริงที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกนินจาพร้อมความสามารถในการทําลายหมู่บ้านนินจาทั้งหมด
เมื่อนึกถึง ฮันโซ นินจาผู้ทรงพลังที่รู้จักกันในชื่อนินจาครึ่งเทพ ได้เสียชีวิตลงอย่างเงียบ ๆคุโรโตะก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกลงที่หลังของเขาโลกนินจาช่างเลวร้ายจริงๆ!”
หลังจากผ่าน แควันแห่งฝน ไปโดยไม่เกิดอะไรขึ้นทีมก็ผ่านเข้า แคว้นโทริและแคว้นคุมะไปได้อย่างราบลื่น
ทีมชั่วคราวที่ 11 คิดว่าทุกอย่างกําลังดําเนินไปได้ด้วยดีจนถึงตอนนี้
และอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้พบกับชิออนที่เป็นมิโกะ(ร่างทรง) ของแควันโอนแต่โดยไม่คาดคิดทันที่ที่พวกเขาก้าวเข้าสู่แควันโอนปัญหาก็เข้ามาหาพวกเขาถึงหน้าประตู
ตู้ม….
เสียงดังก้องไปทั่ว และท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยฝุ่นและควัน
จู่ๆ ไก ก็ถอยออกไปเมื่อเห็นสิ่งนี้และตะโกนว่า“บ้าจริงเรามาช้าเกินไปเราจะทํายังไงกับสัตว์ประหลาดพวกนี้ดี?!”
ในเวลานี้ด้านหน้าของนินจาทั้ง 4 คือกองทัพทหารหินที่เคลื่อนตัวเข้าหาพวกเขาเรื่อยๆกองทัพวิญญาณเหล่านี้เป็นกองทัพที่รับใช้อสูรโมเรียว
คาคาชิใช้ตัดสายฟ้าโจมตีทหารหิน 2 – 3 ตนส่วนไกก็ใช้สลาตันโคโนฮะโจมตีพวกมัน 2 – 3 ตนเช่นกันแต่พวกมันก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆพวกมันล้มลงและลุกขึ้นอีกครั้งและเริ่มเดินเข้าหาทั้ง 4 คนอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของพวกเขาไม่ได้ผลคาคาชิก็ขมวดคิ้ว“เจ้าพวกนี้ดูเหมือนจะเป็นอมตะ!”
คุโรโตะ เองก็ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพวิญญาณเหล่านี้มากนักแต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมก็สามารถรู้ได้ว่ากองทัพเหล่านี้ไม่มีอะไรมากไปกว่ากองทัพหุ่นเชิดที่ไร้วิญญาณที่ทําการตามคําสั่งของคนอื่นดังนั้นเขาจึงแนะนําว่า“เปล่าประโยชน์ถ้าจะเสียเวลากับหุ่นพวกนี้ฉันว่าเราไปพบกับมิโกะ(ร่างทรงของแควันโอน)ก่อนดีกว่าฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ว่าควรทําอย่างไรกับพวกมัน!”
ทีมชั่วคราวที่ 11 ทุกคนไม่มีความคิดอื่นในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นทุกคนจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุโรโตะและรีบไปที่ศาลเจ้าโดยผ่านหุ่นเชิดที่เคลื่อนไหวช้พวกนี้ไป
ระหว่างทาง ทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นหรือได้ยินล้วนเกี่ยวกับทหารหินที่โหมกระหน่ำในประเทศนี้
ไม่ใช่แค่หมู่บ้านเล็กๆ แม้แต่หมู่บ้าน ใหญ่ ๆ ก็โดนด้วยเช่นกัน ชาวบ้านเสียชีวิตไปเป็นจํานานมาก แม้ว่านินจาทั้ง 4 คนจะเคยเห็นการล้มตายในสงครามโลกนินจาครั้งที่ 3 มาแล้วแต่พวกเขาก็ยังตกตะลึงเมื่อเห็นภาพเหล่านี้
แม้ว่านินจาจะถูกฝึกให้ได้ความรู้สึก แต่ก็ยังทนไม่ได้ที่จะเห็นการสูญเสียชีวิตเช่นนี้ แต่ทว่าพวกเขาก็ต้องกัดฟัน และเร่งความเร็วขึ้นเพราะทั้ง 4 มีเป้าหมายที่จัดเจน
แทนที่จะเสียเวลาเข้าไปพัวพันกับหุ่น เหล่านี้ เป็นการดีกว่าที่จะไปหามิโกะและหาวิธีจัดการกับผู้ควบคุมพวกมัน เพื่อจัดการพวกมันในคราวเดียวไม่อย่างนั้นจํานวนเหยื่อก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
โชคดีที่ แควันโอน เป็นแค่แคว้นเล็ก ๆ หลังจากเดินทางด้วยความเร็วสูงเพียงไม่กี่วันพวกเขามาถึงศาลเจ้าของมิโกะ…