กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ - ตอนที่ 316 รักร้าวใจสลาย (ตอนจบ) (12)
ตงฟางเจ๋อนำทัพทหารมาสามพันนาย ครั้นมาถึง ก็เห็นนางยืนอยู่ริมแม่น้ำเพียงลำพัง
อาภรณ์ขาวเส้นผมสีดำ เงาร่างบอบบาง สายลมแรงพัดเอาชายเสื้อกว้างๆ ของนางปลิวไหวไปตามอากาศ ยิ่งขับเน้นให้นางดูโดดเดี่ยวอ้างว้าง และมีกลิ่นอายของความโศกเศร้าปกคลุมอยู่รางๆ นางยืนหันหลังให้เขา ยืนอยู่ริมแม่น้ำที่ดูสงบนิ่งผิดปกติ ข้างกายยังมีโต๊ะไม้ที่ไม่ใหญ่มากนัก บนโต๊ะมีกาสุราและแก้วเปล่าอีกหกใบวางไว้
ตงฟางเจ๋อยกมือเบาๆ เสียงกีบเท้าม้าด้านหลังพลันชะงักหยุด ทุกคนดึงบังเหียนม้า หยุดอยู่ที่เดิม ตงฟางเจ๋อกระโดดลงจากหลังม้า แล้วเดินมาที่ริมแม่น้ำ
“ซูซู?” เสียงของเขาสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว ลางสังหรณ์บางอย่างพลันผุดขึ้น
“หม่อมฉันกำลังรอท่านอ๋องอยู่เพคะ” ซูหลีค่อยๆ หมุนกาย สายตาที่มองเขาเยือกเย็นจนทำให้เขาแทบคลั่ง “ท่านอ๋องเสด็จมาเร็วมาก”
นางในตอนนี้ ทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตงฟางเจ๋อตึงเครียดเล็กน้อย เหล่มองโต๊ะที่อยู่ด้านหนึ่ง “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“หม่อมฉันคิดว่า…” ซูหลีถือกาสุราขึ้นมา คล้ายกำลังครุ่นคิด หลังจากเติมสุราในแก้วเปล่าทั้งหกใบจนเต็ม นางก็แย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันคิดว่ามีพบก็ย่อมมีจาก ระหว่างพวกเรา ควรจบแต่เพียงเท่านี้”
“เจ้าจะไปจากข้า?” ความตระหนักรู้ที่ชัดเจนนี้ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีไปทันที สาวเท้าเข้ามารั้งนาง แล้วกล่าวเสียงรวดร้าว “เจ้าจะผิดคำสัญญาระหว่างเราเช่นนั้นหรือ!?”
ซูหลีเงยหน้ามองเขา สายตาเยือกเย็นพลันแปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบดั่งมีดน้ำแข็ง จ้องตรงเข้าไปในดวงตาเขา นางสะบัดมือเขาออก แล้วดึงอาภรณ์มงคลบนกายเขาขึ้นมา เพื่อให้เขามองให้เต็มตา
“คนที่ทำผิดคำสัญญาคือท่าน ตง ฟาง เจ๋อ!”
“ข้าเปล่า” เขารีบกุมมือนางอีกครั้ง อธิบายอย่างร้อนใจ “ซูซู…”
“พอแล้ว!” ครั้นได้ยินเขาเรียกชื่อนี้ หัวใจของนางพลันเจ็บปวดจนไม่อาจหายใจ นางกล่าวเสียงเย็นชา “อย่าเรียกชื่อข้า! ท่านไม่คู่ควร!”
ความเจ็บปวดที่บาดลึก สะท้อนออกมาจากนัยน์ตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็งของนาง ตงฟางเจ๋ออึ้งงัน กุมมือนางแน่นยิ่งขึ้น เอ่ยเสียงร้อนใจ “ข้าไม่เคยทำผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า เด็กในท้องของหยางเสวียนไม่ใช่ลูกของข้า ข้าสู่ขอนางเพียงเพื่อ…”
“เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับตำแหน่งองค์รัชทายาทของท่าน! เพื่อภายหน้าจะได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น ยึดครองแผ่นดินใต้ฟ้า!” นางต่อประโยคอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้ามองเขาอย่างเย็นชา “นอกจากเหตุผลเหล่านี้ ข้าก็ไม่มีทางเชื่อเหตุผลอื่นอีกแล้ว”
“เพราะเหตุใด?” ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้วถาม สายตาเจ็บปวดเกินบรรยาย “ซูซูเจ้าเปลี่ยนไป เมื่อก่อนพวกเราถูกให้ร้ายอย่างไร ก็มักเชื่อใจกันเสมอ กระทั่งยอมเสี่ยงอันตรายเพื่ออีกฝ่ายโดยไม่สนความปลอดภัยของตนเอง! ข้านึกว่าความรักและความเชื่อใจระหว่างเรามั่นคงมาก ข้านึกว่าเจ้าคือคนที่เข้าใจข้าที่สุด! เรื่องของหยางเสวียน แม้ข้าไม่อธิบาย เจ้าก็คงเข้าใจ! แต่เหมือนข้าจะคิดผิด!?…เพราะเหตุใด? กว่าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เรื่องง่าย เหตุใดตอนนี้เจ้ากลับเคียดแค้นข้า และไม่เชื่อใจข้าถึงเพียงนี้เล่า?”
“เพราะว่าท่านโกหกข้าอย่างไรเล่า!” นางจ้องหน้าเขา สายตาแฝงแววเจ็บปวดทั้งสองข้าง เหมือนหนามคมที่ทิ่มแทงหัวใจเขา “ข้าไม่มีวันเชื่อท่านอีกแล้ว! ไม่มีวัน!”
ความเชื่อใจ เดิมทีเป็นสิ่งที่มั่นคงและแข็งแกร่งได้ ขอเพียงทั้งสองฝ่ายมีความเชื่อมั่นเท่านั้น ความเชื่อใจ แท้จริงก็อาจเป็นสิ่งที่เปราะบางมากได้เช่นกัน ทันทีที่โกหก ทุกสิ่งก็จะทลายลงไม่มีวันหวนคืนอีก บางทีเราอาจอภัยให้กันและกันได้ แต่จะไม่มีวันเชื่อใจกันได้อีกแล้ว
นางสะบัดมือเขาออกอย่างแรง แล้วถอยหลังก้าวใหญ่ๆ ครั้นเห็นนางถอยหลังไปยังริมแม่น้ำหลานชาง สายตาของตงฟางเจ๋อสั่นระริก รีบพุ่งตัวเข้าไปขวางด้านหลังนาง
“หากเจ้าหมายถึงเรื่องศิลาเลือดนกเพลิง เช่นนั้นเจ้าก็เคยโกหกข้าเหมือนกัน! นอกจากเรื่องสำนักเฉินเหมิน ในใจเจ้า ยังมีเรื่องปิดบังข้าไว้มากมาย” ตงฟางเจ๋อพานางออกห่างจากพื้นที่อันตราย แล้วกล่าวเสียงเข้ม
“ฉะนั้นที่จริงแล้วพวกเราต่างก็ไม่เคยเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างแท้จริงเลยอย่างไรเล่า!” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรวดร้าว
ตงฟางเจ๋อกลับกอดนางไว้แน่น แล้วกล่าวเสียงขรึม “เมื่อก่อนอาจใช่ แต่วันนี้หากเราอธิบายทุกอย่างให้ชัดเจน ภายหน้าพวกเราก็จะสามารถเชื่อใจอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”
“ไม่ได้แล้ว!” นางส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ถอยห่างออกจากอ้อมแขนของเขา
ครั้นอ้อมแขนว่างเปล่า หัวใจของตงฟางเจ๋อก็พลอยว่างเปล่าไปด้วย เขาพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “เหตุใดจะไม่ได้เล่า? เจ้ายังจะไม่ยอมบอกความลับที่อยู่ในใจเจ้าให้ข้ารับรู้อีกหรือ?!”
ความลับที่อยู่ในใจนาง…ซูหลีแหงนหน้าขึ้นฟ้า หัวเราะอย่างเศร้ารันทด
“ท่านถามข้าว่าเพราะอะไร ข้าก็อยากถามท่านเช่นกันว่าเพราะอะไร? ทั้งๆ ที่ท่านรู้ว่าศิลาเลือดนกเพลิงสามารถดูดซับเลือดของหญิงพรหมจรรย์ได้ยามอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ท่านรู้ว่าจั้นอู๋จี๋ต้องการยืมมือฆ่าคน แต่เพราะเหตุใดท่านกลับยังคงเลือกที่จะมอบมันเป็นของขวัญให้แก่ตงฟางจั๋วและหลีซูเล่า? หรือท่านไม่รู้ว่าตงฟางจั๋วมีนิสัยเช่นไร? ท่านไม่เคยคิดบ้างเลยหรือว่าหากทำเช่นนั้นจะทำให้หลีซูต้องพบกันโชคชะตาอันเลวร้าย? …หรือว่า” นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง สายตาคมปลาบจดจ้องใบหน้าเขาอย่างบีบคั้น แล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “สำหรับท่านแล้ว ขอเพียงบรรลุเป้าหมาย อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ?”
สายตาของตงฟางเจ๋อเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เขากล่าวคล้ายผิดหวังเล็กน้อย “ข้านึกว่าหลังจากผ่านเรื่องราวมามากมายมาขนาดนี้ เจ้าจะเข้าใจแล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถมีชีวิตรอดท่ามกลางความโหดร้ายของการแก่งแย่งอำนาจได้!”
“ข้าเข้าใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าเห็นด้วย ท่านใช้แผนหนามยอกเอาหนามบ่ง ทำลายงานแต่งเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองจวนได้สำเร็จ เพราะท่านกลัวว่าหากอำนาจของฮองเฮาแข็งแกร่งขึ้น จะทำให้แก้แค้นให้พระสนมกุ้ยเฟยได้ยากขึ้น! แต่ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหลีซูเป็นผู้บริสุทธิ์?”
ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้าไม่พูดอะไร
ซูหลีกล่าวอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่ผู้บงการในคดีหลีซู แต่ท่านกลับเป็นเสมือนผู้สมรู้ร่วมคิดของจั้นอู๋จี๋! การตายของพระชายาในเซ่อเจิ้งอ๋อง ท่านก็มีส่วนผิดเช่นกัน! ข้า…ไม่มีทางให้อภัยท่านเด็ดขาด! และไม่มีทางอยู่ร่วมกับท่านได้อีกตลอดกาล!”
ตงฟางเจ๋อเงยหน้าอย่างตื่นตะลึง “เจ้าจะตัดขาดกับข้าเพราะคนนอกเพียงคนเดียว?” ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดทันใด เห็นชัดว่าเริ่มบันดาลโทสะแล้ว เขากุมไหล่นางแน่น มองหน้านางอย่างไม่อยากเชื่อ
“คนนอก?” ซูหลีอดหัวเราะอย่างร้าวรานไม่ได้ กลิ่นอายเศร้ารันทดพลันแผ่กำจายรอบกายนาง พริบตาเดียวก็แผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณริมแม่น้ำหลานชาง
ขอบฟ้าที่อยู่ห่างออกไป พยับเมฆสีดำเริ่มตั้งเค้า พายุแรงพลันก่อตัว คลื่นลูกใหญ่บนแม่น้ำหลานชางซัดสาดขอบฝั่งเสียงดังสนั่น
ท้องฟ้ามืดมิดลงทันใด
หัวใจของตงฟางเจ๋อหนักอึ้ง มองดูสีหน้าตัดพ้อระคนเคียดแค้นและเจ็บปวดของนาง ความหวาดกลัวพลันพรั่งพรูขึ้นมาในใจเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากุมมือทั้งสองข้างของนางไว้แน่น “อย่ามองข้าอย่างนี้! คดีของหลีซูได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ไม่ว่าเจ้ากับหลีซูจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร เจ้าก็ไม่ใช่นาง! อย่าถือเอาเรื่องราวของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง!” เขาเตือนเสียงเข้ม ไม่เข้าใจเลย หากเป็นเรื่องของหลีซูทีไร นางก็มักจะแปลกไปอย่างนี้เสมอ!
“เรื่องราวของผู้อื่น?” หัวใจของซูหลีพลันเจ็บแปลบ นางเงยหน้ามองเขา สายตาแทบแหลกลาญ “ข้า…ไม่ใช่นาง?”
มือของตงฟางเจ๋อพลันแข็งค้าง ทว่าร่างบางของนางกลับสั่นเทารุนแรงยิ่งกว่า
“ข้าก็หวังว่าตนเองจะไม่ใช่นางเหมือนกัน! แต่ว่า…” นางเว้นวรรค แหงนหน้ามองท้องฟ้า อยากจะหัวเราะดังๆ แต่กลับหัวเราะไม่ออก จึงได้แต่ก้มหน้ามองเขา แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตงฟางเจ๋อ ท่านต้องการพิสูจน์มาโดยตลอดไม่ใช่หรือ ว่าหญิงที่ช่วยชีวิตท่านในโรงเตี๊ยมคืนนั้นเป็นใครกันแน่?”
ตงฟางเจ๋ออึ้งไปเล็กน้อย ไม่พูดอะไร
ซูหลีกล่าวต่ออีกว่า “แล้วท่านก็ตามสืบมาโดยตลอดว่าข้าเกี่ยวข้องกับจวนเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นไร ท่านไม่เข้าใจหรือว่าเหตุใดพระชายาในเซ่อเจิ้งอ๋องสิ้นใจ ข้าจึงเศร้าโศกจนถึงขั้นหมดสติไปเช่นนั้น?”
………………………………………………..