การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ - ตอนที่ 221 ความเหมือน
- Home
- การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~
- ตอนที่ 221 ความเหมือน
ตอนที่ 221 ความเหมือน
เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็มีกำแพงปราสาทตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า――หากจะบรรยายความรู้สึกของอูรุยออกมาเป็นคนพูดก็คงจะประมาณนั้น
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ออกมาจากร่างของชายชุดดำคนนี้ไม่ธรรมดาเลย
เขาคือผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณอีกคนที่จัดการพวกเก็นโฮไปก่อนหน้านี้ แรงกดดันที่แค่เผชิญหน้าก็รู้สึกขนลุก จนถึงตอนนี้พลังที่เอ่อล้นออกมาจากร่างของเขาอูรุยแทบจะสัมผัสไม่ได้ถึงขีดจำกัดของมันเลย ทั้งปริมาณและคุณภาพของพลังจะอย่างไหนก็เหนือกว่าเออซูร่า
หากจะให้เทียบเขาน่าจะอยู่ระดับเดียวกับพี่น้องนากายามะอย่างคาการิที่ตนเคยต่อสู้ด้วย นั่นก็หมายความว่าเขาจะกลายเป็นอีกหนึ่งในคนที่น่าเกรงขามที่สุดในชีวิตสำหรับอูรุย
เขาไม่คิดจะถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แค่การที่อีกฝ่ายกล้าเผชิญหน้ากับเขาด้วยท่าทางที่สบายๆ ก็เป็นปัญหามากแล้ว
หากอูรุยจัดชายคนนี้ให้อยู่ระดับเดียวกับคาการิก็หมายความว่าจองจำไม่มีผลกับอีกฝ่าย โอกาสชนะของเขาก็คือต้องรีบจัดการอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ทุกสิ่งมันถูกกลั่นกรองมาจากหัวของอูรุยในชั่วพริบตา
แล้วจากนั้นเทคนิคดาบกลืนกินนักบุญที่ตอนแรกเล็งไปยังคอของเออซูร่าได้เปลี่ยนไปที่ชายหนุ่มคนนี้แทน สายฟ้าฟาดสีม่วงพุ่งผ่านไปตามดาบของเขาในเสี้ยววิ
คงเป็นเพราะชายคนนี้ให้ความสำคัญกับการปกป้องเออซูร่ามากกว่าจะโค่นตน ความช้าในการตอบสนองการโจมตีจึงมีมากขึ้น แทนที่เขาจะใช้อาภรณ์วิญญาณในมือซ้ายรับการโจมตี เขากลับเลือกใช้มือขวาเปล่าๆ ในการสกัดการฟันของอูรุย
ไม่สิชายหนุุ่มคนนี้อาจจะสามารถตอบสนองการโจมตีของเขาทัน แต่ที่ทำเช่นนั้นเพราะมองว่าตนสามารถป้องกันดาบของเขาได้ด้วยการใช้เพียงแค่มือเปล่า ยังไงชายหนุ่มก็เป็นถึงผู้ใช้อาภรณ์วิญญาณที่แข็งแกร่ง บาเรียคิที่ปกคลุมร่างของชายหนุ่มก็ไม่ต่างอะไรกับเกราะเพชร
หากเป็นไปตามที่อูรุยคิดจริงๆ นั่นคงเป็นโอกาสจากสวรรค์สำหรับอูรุยและเป็นความผิดพลาดแสนร้ายแรงของศัตรูเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามป้องกันร่างตนด้วยบาเรียคิที่แข็งแกร่งขนาดไหน ก็ไม่อาจจะต้านทานการโจมตีที่ทะลวงบาเรียคิของเขาได้
แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคิด ดาบของอูรุยได้เฉือนผ่านมือขวาของชายหนุ่มไปอย่างง่ายดาย โดยดาบของเขาฟันลากยาวไปถึงบริเวณข้อศอกของชายหนุ่ม เนื้อหนัง และกระดูกจากแขนของชายหนุ่ม
สิ่งที่ยังเชื่อมต่อบริเวณข้อศอกขวากับร่างของชายหนุ่มมีเพียงผิวหนังส่วนหนึ่ง หากเป็นแบบนี้คงไม่สามารถจับดาบด้วยมือข้างนี้ได้แน่ ก็หมายความว่าพลังของอีกฝ่ายได้ลดลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่อูรุยคิด――ทว่าพอเขามองไปยังดวงตาของอีกฝ่าย เขาก็ได้ตระหนักว่าตนคิดผิด
ไม่มีสีหน้าแห่งความประหลาดใจหรือความเจ็บปวด โกรธเกรี้ยวมาจากดวงตาของชายหนุ่มเลย สิ่งที่แผ่ออกมาก็มีเพียงออร่าที่แสนน่าขนลุก
แล้วก็เป็นวินาทีเดียวกันที่อูรุยได้มองใบหน้าของชายหนุ่มชัดๆ จนเผลอพูดคำว่า ชิกิบุ ออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
วินาทีต่อมา ชายหนุ่มก็เปิดปากขึ้นและส่งเสียงตะโกนดังลั่นราวกับปืนใหญ่ออกมา
「ฮ๊าาาาา!!」
「คุ――!」
สิ่งนี้คือการระเบิดพลังคิ
หากดาบของอูรุยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเขาก็คงจะใช้มันในการต้านการโจมตีดังกล่าวไปแล้ว ทว่าหลังจากที่เขาฟันไปยังแขนของอีกฝ่ายดาบของเขายังคงติดอยู่ในแขนนั้น จึงไม่ได้สามารถดึงกลับมาป้องกันตนได้ทัน
――นี่คงจะเป็นเหตุผลที่ชายหนุ่มเลือกจะใช้ร่างกายของตนรับการโจมตีของอูรุย ช่างเป็นแนวคิดที่หลุดกรอบไปไหลจริงๆ!
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนผยองที่มั่นใจในพลังของตัวเองมากเกินไป และยอมทิ้งแขนขวาของตัวเองโดยผ่านการคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้ว
อูรุยรับการโจมตีของชายหนุ่มเข้าไปเต็มไป ร่างของเขามันเจ็บปวดราวกับถูกกระแทกด้วยท่อนเหล็กยักษ์ หน้ากากคิจินที่เขาสวมเอาไว้ก็แตกสลาย
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะยืนอยู่เฉยๆ เขาได้ถอยออกไปด้านหลังแทนเพราะการทำเช่นนั้นจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากการโจมตีของอีกฝ่ายให้น้อยลงเท่าที่จะเป็นไปได้
แม้ว่าเขาจะตัดสินใจได้ดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้แล้ว แต่ผลกระทบจากการโจมตีนั้นก็ทำให้ร่างของเขาสั่นไปหมด เสียงของร่างกายที่กำลังกรีดร้องมันดังลั่นไปทั่วจนเขายังตกใจ ถึงแม้เขาจะได้รับบาดเจ็บหนักจากการโจมตีของเออซูร่ามาก็ตาม แต่ก็ไม่คิดว่าจะส่งผลจนทำให้ร่างกายของตนเป็นเช่นนี้
สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถลดผลกระทบจากการโจมตีนั้นได้หมดจริงๆ ร่างของเขาได้ลอยไปในอากาศโดยมีเลือดกระเซ็นออกมาจากปาก สุดท้ายร่างของเขาก็กระแทกเข้ากับกำแพงของป้อมปราการ จนทำให้เลือดที่ออกมาจากปากมันเยอะกว่าเดิม
การสูญเสียเลือดจำนวนมากจะทำให้หมดสติเอาได้ ซึ่งตัวอูรุยก็เกือบจะหมดสติไปแล้ว แต่ก่อนที่จะเป็นแบบนั้นเขาก็ได้ตะโกนใส่ร่างของตัวเองเพื่อดึงสติให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ตอนนี้ตรงหน้าของเขามีชายหนุ่มที่ถืออาภรณ์วิญญาณเอาไว้ในมือขวา ไม่ใช่มือซ้าย ใช่แล้วเขากำลังถืออาภรณ์วิญญาณด้วยมือที่อูรุยทำการฟันทิ้งไปเมื่อครู่
ผู้นำตระกูลโฮโซแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
แต่มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงตรงหน้า
จากนั้นชายหนุ่มก็ได้ใช้อาภรณ์วิญญาณของเขาปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกมา เป้าหมายนั้นไม่ใช่อูรุย แต่เป็นพวกเก็นโฮที่บินมา
เก็นโฮที่ฟันเป็นชิ้นๆ ภายในอากาศ เศษเนื้อของมันร่วงลงสู่พื้น ทั้งการเคลื่อนไหวและพลังที่ปลดปล่อยออกมามันไม่ใช่สิ่งที่คนบาดเจ็บหนักแบบเมื่อกี้จะทำได้เลยสักนิด หลังจากสวนกลับอูรุยด้วยการโจมตีอันทรงพลังจนเขากระเด็นมากระแทกกับกำแพง ชายหนุ่มก็ทำการรักษาบาดแผลนั้นจนหายในชั่วพริบตา
บางทีนั่นอาจจะเป็นความสามารถของอนิม่าเขาก็ได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็บ้าบอเกินไปแล้ว
และแล้วริมฝีปากที่เปื้อนเลือดของอูรุยก็เผยรอยยิ้มออกมา
คาการิ เออซูร่า แล้วก็ชายหนุ่มคนนี้ ทำไมหนุ่มสาวมากความสามารถไม่สมช่วงวัยถึงมารวมตัวกันในเวลานี้ได้นะ จะบอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นหรือ จะบอกว่าเขาโชคไม่ค่อยดีจนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้หรือ อูรุยไม่เข้าใจถึงความบังเอิญที่แสนแปลกประหลาดนี้เลยสักนิด
ไม่นานนักก็มีนักดาบอีกคนปรากฏตัวออกมาจากข้างในห้องพักที่เขาเข้าไปก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเธอคนนั้นก็มีฝีมือมากพอสมควร ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขามากที่สุดคือรูปลักษณ์ของเธอ
เส้นผมสีขาวปลิวไสวที่แม้จะอยู่ไกลก็มองเห็นได้ชัด ช่างคล้ายกับนักรบแห่้งผืนป่าที่ชื่อเคิร์ทซึ่งอูรุยเป็นผู้สังหารไป
นั่นจึงทำให้อูรุยนึกถึงเรื่องที่ชินโตผู้ล่วงลับพูดขึ้น
『ต-แต่ว่า เคิร์ทมันก็มาอยู่ที่ค่ายแห่งนี้ในจังหวะเดียวกันกับตอนที่เริ่มก่อตั้งกบฏคาซานเลยนะครับ มันจะไม่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหน่อยหรือไงกัน ไม่ว่าข้าจะมองยังไงมันก็น่าจะเป็นคำสั่งของชิกิบุอยู่แล้วสิครับ!』
『ข้าก็ไม่สามารถพูดได้หรอกนะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญโดยแท้จริง บางทีชิกิบุคงตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งเลยมาจบลงตรงนี้ อย่างไรก็ตามมันก็มีอีกหลายวิธีการเลยนี่ที่สามารถเคลื่อนไหวต่อโดยไม่เปิดเผยความลับใดๆ ออกไป เจ้าลองนึกย้อนกลับไปดูสิชินโต คำพูดและการกระทำของชายหนุ่มผู้นี้คือคนที่ล่วงรู้ความลับทั้งหมดนั้นแล้วจริงๆ หรือ? 』
ชิกิบุคงตั้งใจจะทำอะไรสักอย่างแน่ๆ ――คำพูดในตอนนั้นมันโผล่ขึ้นมาในใจของอูรุย
「….แบบนี้นี่เอง แบบนี้เองสินะ ชิกิบุ! ทุกอย่างเป็นฝีมือของแกเองสินะ….ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็…..คึก?!」
อูรุยพยายามจะพยุงร่างของตัวเองได้ลุกขึ้นยืน แต่เขาก็ทำมันไม่ได้และล้มอยู่กับพื้นแบบนั้น ความเหนื่อยล้าที่สะสมรวมกับอาการบาดเจ็บ มันทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนไหวอีกต่อไป
เขาเริ่มรู้สึกว่าภาพตรงหน้าของตนมืดมิดเข้าไปทุกที แล้วไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงเห็นภาพของมิตสึรุกิ ชิกิบุกำลังยืนอยู่ตรงหน้าตน พอเป็นเช่นนั้นแล้วในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
———
Note 1 : แพ้ทางจัดๆ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code