การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~ - ตอนที่ 200 พยัคฆ์ปะทะมังกร
- Home
- การแก้แค้นของผู้กลืนวิญญาณ ~เด็กหนุ่มอ่อนแอที่ถูกนักบุญดาบ (พ่อ) เนรเทศเพราะหาว่าไร้ค่า~
- ตอนที่ 200 พยัคฆ์ปะทะมังกร
ตอนที่ 200 พยัคฆ์ปะทะมังกร
ทันทีที่ผมได้ยินชื่อของอนิม่าที่โดกะเรียกมันว่าคิวกิ ร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
ในขณะที่ร่างกายกล้ามเนื้ออันใหญ่โตของเขายังคงเดิม ขนของสัตว์ก็เริ่มงอกขึ้นมาเป็น 3 สี ทั้งดำ ทอง ขาวปกคลุมทั่วร่างเป็นลายทาง ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างขึ้นเป็นสีเหลืองประกาย เขี้ยวที่ไม่สามารถเกิดขึ้นในร่างของสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์งอกมาจากปาก
การได้เห็นเขากลายร่างเป็นเหมือนเสือมันชวนให้นึกถึงเรื่องในอดีต
ว่ากันว่ามนุษย์จะกลายเป็นมอนสเตอร์ได้ก็ต่อเมื่อได้รับคำสาปหรือโรคร้ายบางอย่าง ที่รู้จักกันทั่วก็มนุษย์หมาป่า
มนุษย์หมาป่าคือมนุษย์ที่สูญเสียตัวตนของมนุษย์ไปหมดแล้ว เหลือเพียงสัญชาตญาณของสัตว์ร้ายกระหายเลือด น้ำลายก็ไหลย้อยออกมาจากมุมปากตลอดเวลา
หากเทียบกันแล้ว รูปลักษณ์ของโดกะในตอนนี้มันไม่ได้ใกล้เคียงกับที่ผมว่ามาเลยสักนิด อาภรณ์วิญญาณของเขาที่แสดงพลังออกมานั้นน่าจะอยู่ในประเภทเปลี่ยนรูปร่างของตน
สังเกตได้ชัดเลยว่าพละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าเดิม กล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ในชุดเกราะตอนนี้เผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เขาสามารถควบคุมพลังไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เห็นได้จากการที่เขายังสงบนิ่งเช่นเดิม
แม้ผืนดินจะไม่ได้แตกกระจาย สายลมไม่ได้กรีดร้อง ชั้นบรรยากาศไม่ได้สั่นสะเทือน ถึงกระนั้นแรงกดดันจากพลังของเขาก็รุนแรงเสียจนร่างกายของผมรู้สึกเหมือนโดนบีบคั้น
ผมเสียวสันหลังไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้หรอกนะเป็นเพราะกลัวหรือตื่นเต้น แต่ก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ทัน ร่างของโดกะก็พุ่งเข้ามาหาผม
「โอ้ววววว!!」
เพียงชั่วพริบตา ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ของเขาก็หายไป แม้ว่าเสียงเท้าที่เตะพื้นจะเบาหวิวราวกับเสียงฝีเท้าของกวางน้อย แต่พลังทำลายที่ตามมาเหมือนช้างศาล
กำปั้นขวาของโดกะกำเอาไว้แน่น ก่อนจะชกมายังร่างของผมเห็นได้ชัดว่ามันคืออาวุธของเขา แม้จะเป็นมือเปลาแต่พลังทำลายคงเทียบเท่าค้อนยักษ์
「――คึ!」
คมดาบของโซลอีทเตอร์รับกำปั้นที่รุนแรงราวกับกระสุนปืนใหญ่ไว้ได้ทัน เสียงเสียดสีอย่างรุนแรงของเหล็กแผดเผาใบหูผม แบบนี้ไม่ใช่เล่นๆ แล้วสิ
หากผมรับมือกับหมัดนั่นไม่ทัน ร่างของผมคงได้บินไปตามพื้นแล้ว
โดกะไม่ได้หวั่นเกรงในการเผชิญหน้าระยะประชิดกับผมเลย ทั้งที่เป็นการปะทะกันระหว่างกำปั้นกับดาบ
คมดาบของโซลอีทเตอร์นั้นสามารถตัดได้แม้กระทั่งเหล็กหรือเพชร ทว่ามือของโดกะกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนอยู่บนนั้น เหมือนเป็นการบอกว่าคมดาบของผมไม่สามารถทำลายบาเรียของโดกะได้
ชักไม่ดีแล้วสิ ว่ากันตามตรงนะ ขนาดผมเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายด้วยพลังคิไปแล้ว แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของอีกฝ่ายยังเหนือกว่าผมอยู่ดี ส้นเท้าของผมกรีดร้องออกมาจากแรงกดดันของอีกฝ่ายที่ผลักเข้ามา มันไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพปีศาจที่ผมเคยสู้ด้วยเลย
ระหว่างที่ผมคิดแขนซ้ายของโดกะก็ขยับอย่างรวดเร็วจนผมมองแทบไม่ทัน ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจบดขยี้สีข้างของผมขณะที่ผมต้องรับแรงปะทะจากแขนขวาของเขา
ราวกับเห็นประกายไฟลุกโชนอยู่บนหมัดที่กำแน่นของเขา แต่ผมก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดจะรับสักดอกไม่ไหวหรอกนะ ด้วยเหตุนี้ผมจึงลดข้อศอกขวาลงเล็กน้อยเพื่อใช้สกัดหมัดนั้น――เอาสิ พอไหวแหละวะ
「คึก?!」
กร๊อบ ผมได้ยินเสียงข้อต่อข้อศอกขวาของผมส่งเสียงแตกละเอียดออกมา เสียแห่งความเจ็บปวดได้ส่งมาจากตรงนั้น เสียงนี้มันได้ทิ่งแทงไปถึงส่วนลึกในจิตใจของผม
ผมรีบกระโดดถอยหลังไปในทันทีเพื่อสร้างระยะห่าง ระหว่างนั้นก็มองไปที่แขนขวาของตัวเอง
ผมว่าระหว่างผมกับโดกะในแง่ความแข็งแกร่งแล้วน่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ก็ไม่ได้สงสัยหรอกนะว่าอีกฝ่ายคงใช้พลังคิปกคลุมร่างเหมือนกันแน่ๆ นอกจากนี้ลักษณะร่างกายของเขาก็ได้เปรียบผมแต่ผมก็มองว่าอาภรณ์วิญญาณของผมและพลังคิที่มากกว่าน่าจะชดเชยในจุดที่เสียเปรียบไปได้
ทว่าการโจมตีของโดกะกลับทำลายบาเรียคิของผมมาได้ ไม่สิแทนที่จะเรียกว่าทำลาย ต้องเรียกว่ามันทะลวงเข้ามา แน่นอนว่าผมสามารถหยุดการโจมตีของเขาได้ แต่คลื่นแรงกระแทกที่ส่งผ่านเข้ามานั้นมันทำให้ข้อต่อของผมแตกละเอียด――นั่นคือสิ่งที่ผมสัมผัสได้
แขนขวาของผมห้อยไปมา แม้จะเหลือมือซ้ายที่ใช้จับโซลอีทเตอร์อยู่แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือกับโดกะด้วยแขนข้างเดียว โดกะเองก็คงจะรู้เช่นกัน เขาจึงพยายามร่นระยะเข้ามาเหมือนกับที่เผชิญกันก่อนหน้านี้
พอเห็นผมอยู่ในสภาพนี้ ไคลอาก็ส่งเสียงออกมา
「คุณโซระ!」
「อย่ายุ่งเชียว!」ผมส่งสายตาบอกไปยังไคลอาไม่ให้เข้ามายุ่ง แน่นอนว่าเออซูร่าที่เห็นแบบนั้นก็หยุดมือของตัวเองเอาไว้ด้วย
ระหว่างนั้นผมก็พยายามฟื้นฟูข้อศอกขวาของตัวเองที่โดนทำลายไปด้วยโซลอีทเตอร์ ก่อนจะลองขยับข้อศอกใหม่ดูเพื่อตรวจสอบสภาพ
โดกะที่กลายเป็นมอนสเตอร์หน้าเสือไปแล้วได้หยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงทันทีที่เห็นว่าผมสามารถขยับข้อศอกที่ควรจะถูกทำลายไปแล้วอย่างง่ายดาย
โดกะขมวดคิ้วก่อนจะมองผมด้วยสายตาที่เฉียบคม
「หากปราศจากการสวดภาวนาหรือพลังแห่งทวยเทพ กระดูกที่แตกสลายไปแล้วจากการโจมตีก็ไม่ควรจะกลับมาเป็นปกติได้ในพริบตา ที่เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆ งั้นหรือ? 」
「ขอคืนคำพูดนั้นให้นายแล้วกัน ไอ้การโจมตีบ้านั่นมันอะไรกัน? ทะลวงเบาเรียของฉันเข้ามาได้ซะงั้น เกินไปหรือเปล่า」
มันก็ไม่ใช่ประโยคที่ผมคาดหวังคำตอบอะไรหรอก แต่ทางโดกะกลับตอบผมด้วยใบหน้าอันเรียบเฉย
「ชินโตคิ มันคือศาสตร์แห่งคิที่ใช้พลังคิแผงเอาไว้ภายในกำปั้นเพื่อทำลายร่างกายของศัตรูแม้อีกฝ่ายจะกางบาเรียคิเอาไว้ราวกับค้อนที่พร้อมกระทุ้งเนื้อหนัง กระดูกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ 」
「กำปั้นที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังคิ เหรอ」
ขณะที่ผมถอนหายใจออกทางจมูก ผมก็พยายามคิดถึงคำพูดของอีกฝ่าย
ถ้ามันง่ายเพียงแค่เอาพลังคิใส่ไว้ในหมัดเพื่อทำลายบาเรียก็คงจบไปแล้ว หากผมลองทำแบบโดกะ หมัดของผมก็คงจะหยุดแค่ที่บาเรียของเขา
มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดหากเป็นแค่การใช้พลังคิ บางทีมันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
อย่างที่ผมเคยพูดไปว่าพลังคิของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ศาสตร์ลับและวิธีการใช้งานก็ต่างไปด้วย ดูเหมือนว่าพวกนั้นคงจะคิดค้นศาสตร์ในการทะลวงบาเรียซึ่งแฝงอยู่ในการโจมตีแต่ละครั้ง
ความชำนาญเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะเลียนแบบเขาได้อย่างแม่นยำ แม้การโจมตีครั้งแรกจะจัดการผมไปไม่ได้ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าทักษะของโดกะสูงมากเพียงใด
พอเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมก็เดาะลิ้นออกมา การโจมตีของผมไม่สามารถทะลวงบาเรียของโดกะได้ แต่ทางโดกะกลับทะลวงบาเรียของผมเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าบาดแผลของผมจะรักษาได้ด้วยโซลอีทเตอร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่เจ็บปวดกับบาดแผล กระดูกข้อต่อที่แตกเป็นเสี่ยงๆ จะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากให้กับผมเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น พอโดกะรู้แล้วว่าผมสามารถฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้เขาคงจะเลือกเล็งไปในส่วนที่ฟื้นฟูไม่ได้ง่ายๆ แทนแน่ หากโจมตีที่หัวใจหรือหัวของผม ถึงจะเป็นโซลอีทเตอร์ก็ไม่ไหวหรอก
ในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ควรทำก็คือรักษาระยะห่างเพื่อเลี่ยงกำปั้นอีกฝ่าย ทว่าคิจินตรงหน้าผมมันไม่ใช่พวกกระจอกที่จะหนีให้พ้นได้ง่าย เหนือสิ่งอื่นใดคือผมไม่อยากจะเอาชนะอีกฝ่ายที่มีความสามารถขนาดนี้ด้วยวิธีการต่อสู้เช่นนั้น
――ถ้างั้นก็เหลือทางเลือกเดียว
มุมปากของผมเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ผมจะไม่พยายามหนีไปรอบๆ เพื่อไม่ให้โดนโจมตี กลับกันผมจะเข้าไปสู้กับเขาในระยะประชิดแล้วให้เขาโจมตีผมได้เท่าที่เขาต้องการ ระหว่างนี้ก็ต้องหาความลับของพลังอีกฝ่ายให้ได้ หวังว่าของแบบนี้คงใช้ได้ไม่นาน
หากเลี่ยงจุดตายไปได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว แน่นอนว่าหากสบโอกาสผมก็จะสวนไปด้วย หากเทียบเรื่องความอึดแล้วผมน่าจะเหนือกว่า ช่องว่างที่ผมต้องการน่าจะมาถึงในเวลาไม่ช้า
การต่อสู้ยืดเยื้อนี้คือวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ความได้เปรียบของผม ส่วนความเจ็บปวดก็มีแต่ต้องกัดฟันทนเอา
พอคิดได้แบบนี้ผมก็ก้าวไปข้างหน้า
เมื่อเห็นแบบนี้จ้าวพยัคฆ์ตรงหน้าของผมก็ยิ้มออกมาราวกับเดาเจตนาของผมได้เหมือนกัน
◆◆◆
――หือ เลือกที่จะเข้ามาสู้ตรงๆ งั้นหรือ
พอเห็นโซระเลือกจะเดินเข้ามาหาเขาแทนที่จะถอยสร้างระยะห่าง โดกะก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่าน่าสนใจ
มันไม่ใช่การยิ้มเพื่อเย้ย โดกะได้รับการยกย่องจากคนในนากายามะว่าคือคิจินที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ตัวเขาเองหาได้พอใจกับความแข็งแกร่งแค่นี้ไม่ พี่รองแห่งนากายามะที่อายุเพียง 20 กลางๆ นี่ยังเร็วเกินไปที่เขาจะหยุดตัวเองไว้ หนทางข้างหน้าของเขายังยาวไกล
โดกะคือชายที่ตั้งเป้าไว้สูงเสมอ การที่เขาสามารถใช้พลังของตัวเองและท้าทายกับศัตรูได้โดยไม่ต้องยั้งมือหรือมีข้อกำจัดใดๆ คือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
ยิ่งเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาด้วยยิ่งแล้วใหญ่
มาถึงจุดนี้ ตาชั่งแห่งความสนใจภายในตัวของโซระนั้นเริ่มเอนเอียงแล้ว
นอกจากนี้ยังมีคำพูดของอาซึมะพี่ชายของตนที่บอกก่อนออกเดินทาง แน่นอนว่าโดกะไม่ลืมว่าอาซึมะคาดหวังกับโซระมากเพียงใด
ส่วนตัวโดกะไม่ไว้วางใจพวกมนุษย์เลยสักนิด เขาไม่ได้สนใจสันติหลังจากนี้ ไม่สิหากจะพูดให้ถูกต้องพวกมนุษย์นั้นไว้ใจไม่ได้พวกมันคงจะหาทางทำลายสนธิสัญญาแน่แม้จะสร้างสันติกันสำเร็จ พวกมันจะต้องหาจุดที่ตัวเองได้เปรียบมากดขี่พวกตนไม่ต่างจากอดีต เขาจึงไม่อยากเสียเวลามาสร้างสันติอะไรกับพวกมนุษย์
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะคิดแบบนั้น แต่ด้วยคำพูดของอาซึมะที่บอกกับเขาตอนอยู่ไซโตะ ว่าหลังจากนี้พวกตนจะต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ด้วยคำพูดมากกว่าคมหอกคมดาบ
――เขารู้สึกเหมือนกำลังลังเล
โดกะเริ่มถามกับตัวเอง
อาซึมะบอกว่าเขาคาดหวังกับโซระไว้สูง แต่เขาก็ไม่ได้ออกคำสั่งว่าจะให้จับตัวโซระไปหรือเปล่า ดังนั้นการฆ่าโซระตรงนี้ก็ถือว่าไม่ใช่การขัดคำสั่งพี่ชายตน หากทางนั้นกำชับว่าต้องจับเป็นกลับมาโดกะก็พร้อมทำตามแต่ โดกะก็ชักไม่มั่นใจว่าหากต้องเจ็บเป็นโซระเขาจะทำได้หรือเปล่าเพราะอีกฝ่ายเคี้ยวไม่ง่ายเลย
ทำตามใจที่เจ้าต้องการสิ มีเสียงหนึ่งกระซิบออกมา โดกะรู้ได้ทันทีว่านั่นคือเสียงของตัวเขาเอง
เขามีความรู้สึกว่าหากเขาปล่อยให้ชายตรงหน้าพบกับพี่ชายตน บางอย่างต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ นอกจากนี้เขาก็เชื่อว่าหากฆ่าโซระลงตรงนี้เสีย สิ่งที่เขากังวลก็จะมลายหายไปด้วย
เมื่อคิดได้แบบนั้นโดกะก็ตระหนักได้ถึงใจจริงของเขา แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
「คุค…..คงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าข้ารู้สึกกลัว」
เขาไม่ได้เกรงกลัวพลังของโซระ แต่เขากลัวการเปลี่ยนแปลงที่โซระจำนำมาด้วย
เขาสัมผัสไม่ได้ถึงความเกลียดชังในตัวคิจินจากโซระเลย นอกจากนี้เขายังได้รับสร้อยข้อมูลซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความไว้วางใจจากคิจินนอกประตูอีก ความคิดของเขาต่างจากคนเฝ้าประตูอย่างสิ้นเชิง
อาซึมะนั้นแสดงความชื่นชอบในตัวของโซระอย่างชัดเจน บางทีหากพี่ชายตนได้เจอกับโซระ การประนีประนอมอาจจะสูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ความเกลียดชังภายในตัวคิจินหลายๆ ตน ในจุดนี้หากจะบอกว่าอาซึมะคือคนคนเดียวที่หวังจะสร้างสัมพันธ์อันดีกับมนุษย์ก็ไม่ผิด โดกะรับคำสั่งจากอาซึมะโดยไม่มีข้อแม้ แต่ตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเขารู้สึกไม่พอใจกับทางเลือกของอาซึมะ
ขนาดโดกะที่ใกล้ชิดกับอาซึมะยังรู้สึกขนาดนี้ คนไกลตัวจะรู้สึกขนาดไหนล่ะ
ปลายทางแห่งความไม่พอใจนี้จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของบัลลังก์แน่ และคนที่จะถูกเลือก็ไม่มีใครเสียนอกจากโดกะที่ไม่พอใจการกระทำของอาซึมะ
การปล่อยให้โซระได้พบเจอกับพี่ชายของเขา แล้วนำพาปัจจัยแห่งความขัดแย้งระหว่างเขากับพี่ชายมา นั่นคือสิ่งที่โดกะหวาดกลัว
โดกะตระหนักได้ถึงความกังวลของตัวเอง แถมเขาไม่สามารถพูดอย่างเต็มปากได้อีกด้วยว่าเขาจะไม่ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่ๆ
เขาไม่ใช่คนที่คิดจะขัดคำสั่งของพี่ชาย เขาไม่ได้ต้องการในบัลลังก์ อย่างไรก็ตามความรู้สึกใจจริงของโดกะที่ไม่อยากเห็นพี่ชายต้องก้มหัวให้มนุษย์เป็นของจริง
หากเป็นฝั่งมนุษย์ก้มหัวให้พี่ชายตน โดกะก็จะไม่ขัดข้องในความสัมพันธ์นี้เลย แต่เขาไม่อาจจะทนเห็นภาพมนุษย์อยู่เทียบเท่ากับพี่ชายของตนได้เลยสักนิด
หากพี่ชายของเขาตั้งใจจะสร้างสันติกับมนุษย์จริงๆ เขาก็คงต้องยืนหยัดในการค้านเรื่องนี้――พอโดกะรู้ว่าตัวเองคิดเตลิดไปไกลแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาทางจมูก
ในฐานะน้องชายของกษัตริย์ พี่รองแห่งนากายามะ ชายผู้สร้างชื่อในสนามรบมากกว่ากษัตริย์เป็นตำแหน่งที่น่าลำบากใจเกินใครจะคิด แม้จะเป็นน้องชายของเขาอย่างฮาคุโร่หรือคาการิก็คงไม่เข้าใจ
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาคิดเรื่องนี้ ทว่าความคิดพวกนี้ก็ไม่ได้จะผุดขึ้นมาบ่อยนัก แต่หากมันเกิดขึ้นมาแล้วโดกะก็จำเป็นต้องออกไปต่อสู้ สู้จนกว่าร่างกายและจิตใจของเขาจะหมดแรง ต้องทำหัวให้โล่งที่สุดจนไม่เหลือเวลาไปคิดเรื่องพวกนี้
หากเป็นเมื่อก่อนคู่ต่อสู้คงจะเป็นมอนเตอร์แถวๆ นากายามะ แต่ตอนนี้เขาได้เจอคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว
โดกะได้จ้องมองไปยังใบหน้าของโซระอีกครั้ง
ก่อนจะเผยรอยยิ้มซึ่งเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ออกมา เขาได้เร่งพลังภายในร่างออกไปจนทั่วบริเวณราวพายุคลั่ง ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่พร้อมรบถึงขีดสุดแล้ว
โดกะยิ้มออกมาเมื่อได้เผชิญหน้ากับโซระที่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาตน
ทั้งความสัมพันธ์ต่อจากนี้กับมนุษย์ ข้อดีข้อเสียของการสร้างสันติ เขาควรจะให้โซระได้พบกับพี่ชายของเขาหรือไม่ เขาเลือกจะขอทิ้งมันไว้ก่อนตอนนี้การเอาชนะคู่ต่อสู้ตรงหน้าสำคัญที่สุด ที่เหลือค่อยว่ากัน
บางทีพอถึงตอนนั้นเขาอาจจะได้คำตอบก็ได้――เมื่อคิดได้แบบนี้โดกะก็กระโจนเข้าไปโจมตีโซระทันที
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้อันดุเดือดที่จะกินเวลาถึง 3 วัน 3 คืน
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code