การเดินทางของผมกับจอม(มาร)ปราชญ์ผู้อยากเที่ยวรอบโลก - ตอนที่ 15 กรงเล็บนักล่า
ลีโอและอาร์วินตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด กริฟฟินปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา แม้ว่าสัตว์ร้ายตัวนี้จะมีรอยแผลฉกรรจ์ จากการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่ความบาดเจ็บนั้นไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอลง กลับกัน มันยิ่งเพิ่มความโกรธเกรี้ยวและความอันตรายให้มากขึ้นอีกต่างหาก หลังจากชั่วอึดใจ ที่ทั้งสองดูเชิงกับศัตรูตรงหน้า สัตว์ร้ายก็เริ่มจิกกรงเล็บของมันลงกับพื้นกรวดหิน และย่อขาหลังลงเล็กน้อย ก่อนจะกระโจนตัวออกจากพื้นดิน
เสียงกรงเล็บกระแทกพื้นดินดังก้อง เมื่อกริฟฟินพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ลีโอเพิ่งเห็นเงาของมันเคลื่อนมาทางด้านซ้ายก่อนที่กรงเล็บของมันจะพุ่งใส่เขา เขาก้าวสั้นๆ เพื่อถอยหลังออกจากระยะการโจมตี ดาบในมือยกขึ้นเพื่อปัดป้อง แม้จะรู้ดีว่าไม่มีทางต้านทานกรงเล็บนั้นได้ตรงๆ
ลีโอกัดฟันแน่นเมื่อกรงเล็บของกริฟฟินเฉียดผ่านหน้าเขาไป และกระแทกกับดาบในมือจนเสียงกังวานดังลั่น แรงกระกทดส่งผ่านโลหะของใบดาบ สั่นสะเทือนไปถึงด้ามจับ จนทำให้มือข้างที่ถือดาบอยู่นั้น ถูกแรงดีดโต้กลับเข้าอย่างจัง เส้นขนที่หลุดร่วงออกมาจากปีกที่มีแผลของมันลอยอยู่ในอากาศ จากแรงส่งของกริฟฟิน ทุกการเคลื่อนไหวของมันเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และพละกำลังมหาศาล
“อึ่ก…” ลีโอห้ามตนเองไม่ได้ ที่จะกัดฟันและส่งเสียงร้องออกมา หลังจากการโจมตีนั้น นี่ขนาดว่าเขาพยายามปัดป้องกรงเล็บของมัน ยังสามารถทำให้เขาเสียหลักได้ขนาดนี้ หากถูกอาวุธร้ายของมันเข้าจังๆ เขาคงไม่รอดแน่
“ด้วยอำนาจแห่งรุกขอัยกา เหล่าพฤกษาจงสดับฟังข้า…” อาร์วินที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ยกไม้เท้าในมือขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงพึมพำของเวทมนตร์เบาๆ ดังขึ้น ก่อนที่กิ่งไม้หนาที่อยู่รอบๆ จะขยับเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต พวกมันพุ่งไปดักทางกริฟฟินก่อนที่มันจะได้โจมตีซ้ำ แต่สัตว์ร้ายตัวนี้กลับขย้ำกิ่งไม้เหล่านั้นจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ด้วยกรงเล็บที่แกร่งเหมือนเหล็กกล้า
“ข้าไม่สามารถปัดป้องแบบนั้นอีกได้” ลีโอกล่าวขึ้น พลางพยายามคาดคะเน ทิศทางการเคลื่อนไหวของกริฟฟิน “กำลังของมันรุนแรงเกินไป จะเหนื่อยเสียเปล่า”
“ของรอบๆ ที่นี่ก็ทำร้ายมันไม่ค่อยจะได้เสียด้วย” อาร์วินกล่าวตอบ ก่อนจะคลายมนตร์จากกิ่งไม้ ที่ถูกกริฟฟินฉีกทำลายไปอย่างง่ายดาย
กริฟฟินกระโจนเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้มันพยายามใช้กรงเล็บอีกข้างโจมตี ลีโอรีบหมุนตัวหลบไปทางด้านขวา พร้อมกับเงื้อดาบขึ้นเพื่อฟันใส่ต้นขาของมัน แต่การโจมตีของเขาแทบไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับกริฟฟินได้เลย ดาบของเขาเฉือนลงบนขนที่หนาและแข็ง ไม่ต่างกับการพยายามฟันต้นไม้ใหญ่ กรงเล็บของกริฟฟินเฉี่ยวผ่านต้นขาของเขาไปอย่างหวุดหวิด
อาร์วินมองเห็นโอกาส เขายกมือขึ้นพร้อมกับเรียกพลังจากธรรมชาติรอบตัว เสียงพึมพำของเวทมนตร์ดังก้องในอากาศ กิ่งไม้ที่อยู่ใกล้เคียงพุ่งเข้าหากริฟฟิน เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของมัน “ตอนนี้ล่ะ!” อาร์วินตะโกน แต่ในจังหวะนั้น กริฟฟินกลับโหมกระพือปีกของมันอย่างรวดเร็ว หอบเอาลมกรรโชก พัดออกมารุนแรงพอที่จะสลัดกิ่งไม้ทั้งหมดออกไป กริฟฟินหันขวับไปทางอาร์วิน
อาร์วินก้าวถอยไปหนึ่งก้าว เขาพยายามรักษาสมาธิ และเริ่มควบคุมก้อนหินจากพื้นให้ลอยขึ้นมา ก้อนหินหลายก้อนถูกดีดยิงออกไป ด้วยกำลังของเวทมนตร์ ใส่กริฟฟินอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม ขนที่หนาของมันทำให้การโจมตีแทบไม่มีผลอะไร ในจังหวะนั้นที่มันสนใจการเคลื่อนไหวของอาร์วิน ลีโอก็เข้าไปฟันใส่สีข้างของสัตว์ร้าย แต่มันก็เอี้ยวตัวหลบ เป๋นเพียงรอยกรีดบางๆ จากขนที่ฉีกขาดของมันเท่านั้น
“ขนมันหนามากเกินไป… ดาบของข้าทำอะไรไม่ได้เลย!” ลีโอคำรามออกมาด้วยความหงุดหงิด ขณะเขาพยายามตีวงล้อมให้กว้างขึ้น เขาฟาดดาบใส่ข้างลำตัวของกริฟฟินอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ยังคงเหมือนเดิม ใบมีดดาบที่กระทบกับขนหนานั้น แทบจะไร้ผลเลยทีเดียว ลีโอจึงถอยออกมา และเปลี่ยนท่าจับดาบไปชี้ตรงข้ามไหล่ของเขาแทน “ต้องหาช่องโหว่ และโจมตีด้วยการแทงแทน”
“ฟังดูอันตรายนะ แต่เราก็มีทางเลือกไม่มาก” อาร์วินกัดฟันไปด้วย ขณะที่กำลังควบคุมรากและกิ้งไม้ เข้าก่อกวนมันให้ไม่มากที่สุด
กริฟฟินย่อตัวลงเล็กน้อยก่อนจะใช้ปีกที่บาดเจ็บกระพือแรงๆ ลงกับพื้น เพื่อขัดจังหวะการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ ฝุ่น หิน และดินพัดตลบพื้นที่รอบๆ ลีโอถูกแรงลมผลักจนต้องถอยไปหลายก้าว ส่วนอาร์วินที่ยืนอยู่ตรงหน้ากริฟฟิน ถูกลมผลักจนเสียหลักเพียงเล็กน้อย มือของเขาเริ่มพึมพำเวทมนตร์อีกครั้ง คราวนี้กิ่งไม้ใหญ่ที่ห่างออกไป พุ่งเข้ามาเหมือนหอก ทะลวงผ่านอาร์วิน ตรงเข้าไปหากริฟฟิน
ในจังหวะนั้นเอง มันได้ส่งเสียงกรีดร้องแหลม ขณะที่ดวงตาสีเหลืองจ้องมองมาทางอาร์วิน กรงเล็บหน้าของมันขยับอย่างรวดเร็ว และกรีดกระชากหอกกิ่งไม้จนฉีกขาด และก่อนที่อาร์วินจะทันได้สร้างการป้องกันใหม่ กริฟฟินก็กระโดด และใช้ปีกตีกับลม โผนกระโจนเข้าหาเขาอย่างฉับพลัน
“ระวัง! ท่านอาร์วิน” ลีโอรีบตั้งหลัก หวังจะพุ่งเข้าไป แต่ก็ช้าเกินไป กริฟฟินพุ่งเข้ามาและจิกจงอยปากของมันลงบนแขนของอาร์วินอย่างรุนแรง เสียงอาร์วินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลอาบออกมา จากรอยแผลที่ลึกเข้าจนถึงกระดูก ทำให้เขาต้องล้มลงไปที่พื้น
ลีโอตะลึงไปชั่วครู่เมื่อเห็นร่างของอาร์วินล้มลง เลือดแดงฉานไหลจากบาดแผล แต่กริฟฟินไม่ปล่อยโอกาส มันตะกุยเท้าขึ้นคร่อมเหนือร่างของอาร์วิน และจิกกรงเล็บลงที่แขนที่บาดเจ็บ ก่อนมันจะเตรียมที่จะโจมตีซ้ำอีกครั้ง จงอยปากที่หักไม่เป็นทรงของมันเปิดออกพร้อมที่จะฟาดลงมา
“ไม่!” ลีโอตะโกนอย่างสุดเสียง เขาเร่งเท้าเข้ามาทางกริฟฟิน ดาบในมือเขายกขึ้นสูงพร้อมจะฟาดลง แม้ลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่า ดาบของเขาไม่สามารถฝ่าขนหนาของกริฟฟินได้ง่ายๆ และหากเขาโจมตีผิดจังหวะ ผลลัพธ์อาจถึงแก่ชีวิต
ในชั่วขณะที่กริฟฟินโถมตัวลงเพื่อขย้ำอาร์วิน ลีโอก็เข้าโจมตีจากด้านข้าง เขาฟันดาบเข้าไปที่ขาหลังของกริฟฟิน แผลจากคมดาบกรีดไปตามบั้นท้ายของมัน และฉีกออกตามวิถีดาบ แม้จะมีเลือดเสียดออกมาตามคมดาบ แต่การโจมตีเพียงเท่านี้ ก็ยังไม่สามารถทำให้มันล้มลงได้ กริฟฟินสะบัดหัวหันขวับมามองลีโอทันที มันโกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน สายตาของมันโฟกัสกลับมาที่ลีโอ
“ได้แค่นี้งั้นเหรอ” ลีโอพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาสำรวจหาช่องโหว่บนร่างของกริฟฟินอีกครั้ง แม้ว่าใบดาบจะไม่สามารถเฉือนผ่ายขนหนาของมัน แต่หากเขาสามารถหาโอกาสแทงดาบลึกเข้าไปในจุดสำคัญ บางทีเขาอาจจะจบการต่อสู้ครั้งนี้ได้
กริฟฟินกรีดร้องขู่ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะพยายามกระโดดหันหน้าเข้าหาลีโอ กรงเล็บหน้าของมันข่วนตะปบลงมาด้วยความเร็ว ลีโอกระโดดถอยไปด้านข้าง เฉียดการโจมตีไปเพียงนิดเดียว ปลายของกรงเล็บมีแรงต้ามเล็กน้อย ก่อนจะกรีดเสื้อและเกราะหนังที่เขาใส่ฉีกออกไป โชคดีที่ยังมีมนตร์คุ้มกันของอาร์วินอยู่ ทำให้เขาไม่ต้องรับแรงอย่างเต็มๆ
ขณะเดียวกันนั้นเองอาร์วินที่นอนอยู่บนพื้น พยายามยกมือขึ้นอีกครั้ง เพื่อร่ายเวทมนตร์ แม้ว่าแขนจะสั่นเทา แต่เขาก็กล่าวคำร่ายออกมา “จิตวิญญาณแห่งดิน จงผูกรัด” อาร์วินพึมพำเบาๆ ขณะที่กริฟฟินหันไปสนใจลีโอ
ทันใดนั้น หินและดินโคลนรอบๆ ก็เริ่มรวมตัวกัน และเคลื่อนไหวเหมือนกับรยางค์ของปลาหมึก มันพุ่งเข้าไปพันรอบขาหลังของกริฟฟิน รั้งการเคลื่อนไหวของมันไม่ให้โจมตัวไปข้างหน้าได้ โคลนเหล่านั้นเริ่มแข็งตัว และยึดร่างของกริฟฟินเอาไว้กับที่
“ตอนนี้แหละ!” ลีโอกระชับดาบในมือ ตั้งท่าชี้ไปทางสัตว์ร้าย ก่อนจะพุ่งเข้าไปใกล้และใช้จังหวะนั้นก้าวเข้าหากริฟฟิน ในขณะที่มันพยายามจะข่วนและตะกายเพื่อป้องกันตัวเอง ลีโอใช้ฝีเข้าก้าวหลบการโจมตีสวนของมัน พร้อมกับแทงดาบในมือเข้าใส่บาดแผลที่โคนปีกของกริฟฟิน
ใบดาบทะลุผ่านเส้นขนหนา และเสียบลึกเข้าไปจนมิดด้าม และอวัยวะสำคัญภายในร่างกายของมัน เสียงคำรามกรีดร้องของกริฟฟิน ดังกึกก้องในอากาศ มันพยายามดิ้นรนขัดขืน กระพือปีกอย่างสุดแรง และผลักลีโอล้มลง แต่ดาบของลีโอก็ยังเสียบคาบาดแผลเอาไว้เช่นนั้น
ไม่นานนัก ร่างใหญ่ของกริฟฟินที่พยายามออกตัวขึ้นบิน ก็ล้มลงอย่างหนักหน่วงบนพื้น มันสะบัด และกระตึุก กรงเล็บ และปีกอยู่เล็กน้อย ก่อนจะสิ้นเสียงและแน่นิ่งไปในที่สุด
ลีโอหอบหายใจขณะที่หงายหน้ามองฟ้า ดาบของเขายังคงปักอยู่ในร่างของกริฟฟินที่นอนแน่นิ่ง ร่างของอสูรกายที่เคยดุร้าย บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงซากศพที่ไร้ชีวิต ร่างกายขนาดใหญ่ของมัน แทบจะบดบังพื้นดินที่มันล้มลง เลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ลีโอแทงอย่างชัดเจน
“จบแล้ว…” ลีโอพึมพำ เขาหันกลับไปมองอาร์วินซึ่งยังนั่งอยู่บนพื้น มือของเขากุมแขนที่ได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลรินจากแผลที่กริฟฟินฝากไว้ “ท่านยังไหวหรือเปล่า?”
“ก็น่าจะยังไม่ตายเร็วๆ นี้ล่ะนะ” อาร์วินพูดขึ้นอย่างติดตลก แม้ว่าจะเจ็บปวด แต่แววตาของเขายังคงนิ่งสงบ สักพักเขาก็พึมพำร่ายเวทออกมาเบาๆ และโบกมืออีกข้างอยู่เหนือปาดแผล ก่อนที่เลือดจะค่อยๆ ไหลย้อนกลับตามแขนของเขา กลับไปกระจุกอยู่เหนือปากแผล “เท่านี้น่าจะพอได้… ขอข้าทำแผลก่อนแล้วกัน”
ลีโอพยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ พยุงร่างลุกขึ้นยืน และเดินไปที่ร่างของสัตว์ร้าย เขาจับด้ามดาบที่เสียบคาอยู่แน่น และค่อยๆ ดึงมันออกมาจากแผล เลือดของกริฟฟินอาบใบดาบทั้งใบ ลีโอเช็ดใบดาบด้วยใบไม้แถวๆ นั้น ก่อนเก็บดาบกลับเข้าฝักของมัน อาร์วินเดินกระเผกเข้ามาอยู่ข้างๆ
“เจ้าทำได้ดี” อาร์วินพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้ลีโอ “วิถีดาบของเจ้า น่าจะโดนจุดสำคัญของมันพอดี ทั้งปอด หัวใจ และเส้นเลือดใหญ่”
“ข้าไม่รู้ว่าทำได้ดีหรือเปล่า” ลีโอตอบพลางยื่นมือ ช่วยอาร์วินพยุงร่างขึ้น “แต่อย่างน้อยเราก็รอดมาได้”
ลีโอก้มลงมองร่างของกริฟฟินที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้า ขณะที่เขาพยายามหายใจให้ลึกขึ้น และช้าลง ที่หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและดุเดือด เส้นขนหนาที่เต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผล แผลเก่ากว่าที่พวกเขาสร้างให้มันเมื่อครู่ แสดงให้เห็นว่ากริฟฟินตัวนี้ ผ่านการต่อสู้อย่างหนักหน่วงมาก่อน ลีโอกับอาร์วินมองสบตากันด้วยความเหนื่อยล้า
“ท่านคิดว่า… นี่คือเบาะแสของมังกรหรือเปล่า?” ลีโอถามพลางมองรอบๆ ตัวของกริฟฟิน
“มันมีรอยบาดแผลใหญ่ ไม่น่าจะถูกสร้างโดยสัตว์ทั่วไป รอยแผลที่ปีกลึก และกว้างพอที่จะคิดว่ามาจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่…” อาร์วินยังคงกุมแผลที่แขน ขณะยืนพิจารณาร่างของกริฟฟินอย่างละเอียด “อาจจะเป็นมังกร หรืออย่างน้อยก็บางอย่างที่คล้ายกัน”
“ถ้าอย่างนั้น แปลว่าทั้งมันและมังกร ก็น่าจะเกิดการต่อสู้กัน” ลีโอพลิกร่างดูรอยฉีกขาดที่โคนปีก และรอยขาดไหม้ของขนบนตัวกริฟฟิน เขาก้มลงดูใกล้ๆ ก่อนจะหันไปทางอาร์วิน “ถ้าประเมินจากลักษณะนิสัยของกริฟฟิน ที่อาจจะเป็นเจ้าถิ่นที่นี่ มันไม่น่าจะเป็นฝ่ายหนีจากการต่อสู้”
“ใช่… มังกรน่าจะเป็นฝ่ายถอยออกไป นั่นหมายความว่า มังกรก็น่าจะบาดเจ็บไม่ต่างจากกริฟฟินตัวนี้ มันจึงไม่สามารถเผด็จศึกลงได้” อาร์วินพยักหน้า “นั่นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า สัตว์ร้ายที่ต่อสู้กับมัน ไม่น่าจะใช่มังกรตัวเต็มวัยแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้น กริฟฟินตัวนี้ คงไม่รอดมาทำร้ายพวกเราได้”
“แผลที่ปีกไม่ได้เก่ามากก็จริง แต่ก็น่าจะเน่าและช้ำแบบนี้มาสักพักแล้ว” อาร์วินอธิบายต่อไป ก่อนจะชี้ไปที่แผลตรงโคนปีก ที่มีเนื้อคล้ำๆ และแมลงวันตอมอยู่ “ถ้าไม่นับเลือดที่แผลใหม่ที่เจ้าสร้าง แผลก็เริ่มแห้งแล้ว อาจจะเกิดมาสักสองหรือสามวันได้”
“นี่จะเป็นหลักฐานมากพอสำหรับบารอนฟอร์ทิสไหมนะ?” ลีโอตั้งข้อสงสัยกับตัวเอง จริงอยู่ที่ศพของกริฟฟินจะบ่งชี้ถึงสัตว์ร้ายที่อันตรายกว่ามัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า แค่จากบาดแผลเหล่านี้ จะหมายความว่ายืนยันตัวมังกรได้
“จริงของเจ้า ถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ก็จะดี” อาร์วินตอบอย่างลังเล เขาไม่มั่นใจเช่นกัน กว่าหลักฐานเท่านี้จะมากพอ ทั้งคู่พิจารณาด้วยความกังวลใจ ก่อนที่อาร์วินจะนึกอะไรออก “ข้ารู้แล้ว เจ้าจำตอนที่มันล้มข้าลงได้ไหม?”
“หมายความว่าอย่างไร?” ลีโอขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่ามีจังหวะหนึ่ง ที่อาร์วินถูกโจมตีเข้าอย่างจังจนได้แผล แต่ก็ไม่เข้าใจว่า อาร์วินจะกล่าวถึงตอนนั้นทำไม
“อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของกริฟฟิน ที่เราคาดการณ์จากการต่อสู้กับมัน ก็คือกรงเล็บใช่ไหม?” อาร์วินพยายามอธิบายแนวคิดของตน “แต่ตอนที่ข้าล้มลงไป มันกลับไม่ได้ใช้กรงเล็บในการพยายามปลิดชีวิตของข้า”
“แต่ว่า… มันใช้…” ลีโอพยายามคิด ก่อนที่จะมองไปที่ใบหน้าของกริฟฟิน “จงอยปากของมัน!”
“ใช่แล้ว และดูจงอยปากของมันสิ” อาร์วินนั่งลงยองๆ ข้างๆ หัวของสัตว์ร้าย ก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่ปากเจ็บ จับไปที่จงอยปากของกริฟฟิน ซึ่งมีรอยแตกหัก “สัตว์นักล่ามักจะมีสัญชาตญาณของการฆ่า ซึ่งมันจะใช้วิธีต่างกัน ตามแต่เหยื่อที่มันล่าและธรรมชาติของมัน เช่น สุนัขป่าจะกัด และกระชากเหยื่อให้ล้มลง ส่วนเสือดาวจะกระโจนจากต้นไม้ และตะปบหลังของเหยื่อ ก่อนจะปลิดชีพโดยการกัดเข้าที่คอ เพื่อหยุดการหายใจ”
“ข้าคิดว่า นั่นน่าจะเป็นเหตุผล ที่เมื่อมันทำให้เหยื่อหยุดนิ่งได้ มันจึงชูคอขึ้น เพื่อจะใช้จงอยปากปลิดชีพข้า” อาร์วินพูดอธิบายสรุปทฤษฏีของเขา
“แล้ว… มันเกี่ยวกับการตามหามังกรของเรายังไง?” แม้จะได้คำตอบส่วนหนึ่งแล้ว ลีโอก็ยังสงสัยกับคำอธิบายของเขาอยู่ดี
“หึหึ… เจ้ายังคิดตามข้าไม่ทันสินะ” อาร์วินหัวเราะในลำคอ “เจ้าคิดว่าอะไรทำให้จงอยปาก ที่น่าจะแข็งแรงและเป็นอาวุธปลิดชีพของมัน ถึงได้หักไม่เป็นรูปอย่างนั้นล่ะ?”
“หรือท่านจะหมายความว่า… เกล็ดของมังกร?” ลีโอประหลาดใจที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่ ในการต่อสู้กัน สัตว์ร้ายทั้งสองก็น่าจะบาดเจ็บ แต่อาจจะมีจังหวะหนึ่ง ที่กริฟฟินคว้าตัวของมังกรไว้ได้ ก่อนที่มันจะพยายามปลิดชีพ
ซึ่งนั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่มังกรรู้ตัวว่าตนได้พลาดท่า แล้วพยายามอย่างสุดชีวิต ที่จะหนีไป การดิ้นรนของมังกร ที่จะพยายามหนีจากกรงเล็บ และจงอยปากของกริฟฟิน อาจจะมีจังหวะหนึ่งที่มังกรตัวนั้น ทำให้จงอยปากของกริฟฟินตัวนี้หักออกไปด้วย
อาร์วินหยิบมีดเล่มหนึ่งที่ลีโอพกไว้ข้างเอวออกมา ก่อนจะยิ้มและชูมีดให้เขาดู “ขอยืมหน่อยแล้วกันนะ”
อาร์วินใช้มีดในมือค่อยๆ กรีดไปที่หน้าท้องของกริฟฟินอย่างระมัดระวัง เนื้อหนา และขนที่ปกคลุมอยู่ทำให้การผ่าไม่ง่ายนัก เขาค่อยๆ เพิ่มแรงกดลงจนมีดแหวกผ่านผิวหนังหน้าท้องของกริฟฟิน กลิ่นคาวเลือดเข้ามาปะทะกับจมูกของทั้งสองคนทันทีเมื่อแผลเปิดกว้าง
“นี่คือกึ๋น สัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลานหลายชนิด ใช้มันสำหรับบดอาหาร เนื่องจากพวกมันไม่ได้มีฟัน และกรามสำหรับบดเคี้ยวแบบพวกเรา” อาร์วินคว้าเครื่องในชิ้นหนึ่งของกริฟฟินออกมา พร้อมอธิบายอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ขณะที่ลีโอมองภาพตรงหน้าอย่างหวาดเสียว
เขาใช้มีดผ่าอวัยวะชิ้นนั้นออกและเพ่งมองเข้าไปในท้องของกริฟฟิน หวังว่าจะพบเบาะแสที่พวกเขาตามหา พวกเขาทั้งสองหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“นี่ไง…” อาร์วินชี้ไปที่สิ่งหนึ่งที่สะท้อนแสงจากด้านในกระเพาะของกริฟฟิน มันเป็นเศษเกล็ดแข็งสีแดงเข้มที่ยังคงติดอยู่ระหว่างอวัยวะภายในของมัน “เกล็ดของมังกรแข็งแรงเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะย่อย หรือทำลายได้ มันจึงติดอยู่ในทางเดินอาหารของเจ้ากริฟฟินตัวนี”
“เกล็ดมังกรหรือ?” ลีโอกล่าวเสียงเบา ขณะที่เขาค่อยๆ ดึงมันออกมา เศษเกล็ดนั้นมีขนาดเล็ก ประมาณสองสามนิ้วมือเท่านั้น แต่ดูแข็งแรง และแวววาวราวกับกระเบื้อง ที่ถูกอบเผาด้วยเปลวไฟ
“ข้าคิดว่าเราพบสิ่งที่เราตามหาแล้ว” อาร์วินพูดด้วยความพอใจ เขาพยักหน้าให้ลีโอ “แต่ว่าเพื่อความแน่ใจ…”
อาร์วินกรีดคอของกริฟฟิน และตัดมันออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะยื่นมันให้กับลีโอ ที่ดูจะลำบากใจกับการที่ต้องถือมันเอาไว้ “เอาใส่กระสอบ หรือไม่ก็ผูกเชือกเอาไว้ แล้วหิ้วมันกลับไปให้บารอนฟอร์ทิสดูแล้วกัน”
“น- นั่นสินะ” ลีโอคุ้ยหากระสอบในกระเป๋า ก่อนที่จะใส่หัวของกริฟฟินลงไป ความจริงถ้าเอาทั้งตัวไปจะดูน่าเชื่อถือมากกว่า ว่ามันเป็นกริฟฟิน แต่ว่าพวกเขาคงไม่มีปัญญาจะขนซากของสัตว์ขนาดใหญ่เช่นนี้ไปทั้งตัวได้
“กลับไปที่หมู่บ้านก่อนแล้วค่อยคิดแผนต่อเถอะ” อาร์วินประกาศออกมา ก่อนจะเดินนำลงจากเขาไป ดูเหมือนว่าแผลของเขาจะดีขึ้นบ้างแล้ว จึงไม่ต้องให้ลีโอคอยพยุง
และทั้งสองก็เริ่มเตรียมตัวกลับออกจากป่า โดยทิ้งร่างของกริฟฟินไว้เบื้องหลัง พวกเขารู้ว่างานของพวกเขาเพิ่งเริ่มต้น และการเผชิญหน้ากับมังกร จะเป็นความท้าทายที่ใหญ่กว่ากริฟฟินหลายเท่ามากนัก