การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 207 ไม่ธรรมดา
บทที่ 207 ไม่ธรรมดา
บทที่ 207 ไม่ธรรมดา
โม่เจ๋อหยวนหันมองตามถังซวง และเมื่อเห็นแจกันตรงหน้า เขาพลันกะพริบตาสองสามครั้งก่อนจะหันกลับมาสบตากับถังซวง แล้วรีบมองไปทางอื่นทันที
แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ไม่ทันสังเกตเห็นท่าทีเช่นนี้ แต่เป็นถังชุนหยานที่มองเห็นถังซวงและโม่เจ๋อหยวนอย่างรู้สึกสงสัย เธอยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรเพียงแค่มองไปรอบ ๆ ในความเงียบงันนั้น ก่อนจะหยุดลงที่เมิ่งก่วงจี๋ เธอเคยพบกับตระกูลเมิ่งมาก่อน มีเพียงเมิ่งก่วงจี๋เท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป ส่วนเมิ่งหย่งกับจางหงเม่ยซึ่งเป็นสองสามีภรรยา เธอไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกเลยสักนิด
เวลานี้จางหงเม่ยเริ่มเรียกขานให้ทุกคนเข้ามาร่วมรับประทานอาหาร
“ชุนหยาน นั่งลงเร็วเข้า บอกพี่น้องของเธอด้วย อาหารกลางวันพร้อมแล้ว รีบกินกันเถอะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณป้า”
หลังถังซวงและคนอื่น ๆ นั่งลง จางหงเม่ยก็เอ่ยพูดคุยกับพวกเขาอย่างอบอุ่นขณะรับประทานอาหาร “ทั้งหมดเป็นอาหารง่าย ๆ แต่ก็มีมากพอ พวกเธอกินให้เยอะ ๆ ไม่ต้องคิดว่าตนเองเป็นแขกหรอกนะ”
“คุณป้าคะ อาหารพวกนี้อร่อยมากเลยค่ะ”
ถังชุนหยานพูดออกไปอย่างเขินอายเมื่อได้ยินอย่างนั้น
อาหารตรงหน้านี้ไม่ใช่อาหารง่าย ๆ อย่างที่เธอพูดเลย มันยอดเยี่ยมมากต่างหาก มีทั้งหมูตุ๋น ปลาตุ๋นชามใหญ่ ไข่คนหอมแดง ไก่ตุ๋นเห็ด กะหล่ำปลีผัดวุ้นเส้น และซุปเต้าหู้ อาหารจานหลักคือข้าวขาว ซึ่งบางคนจะนิยมกินมันในช่วงวันตรุษจีน
แม้แต่ถังไห่โปยังยกยิ้มอย่างพอใจแล้วเอ่ยพูดขึ้นว่า “คุณลุง คุณป้าครับ พวกคุณต้อนรับพวกเราดีเกินไปแล้วครับ”
“ฮ่า ๆ … ถ้าอย่างนั้นก็กินให้เยอะ ๆ นะ”
เมิ่งหย่งหัวเราะพลางขยับตะเกียบ
หลังเห็นอย่างนี้แล้ว หลายคนก็เริ่มหยิบตะเกียบตาม
ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนกินอาหารและเคี้ยวอย่างเชื่องช้า ส่วนถังไห่โปที่อยู่ด้านข้างเริ่มกินอย่างตะกละตะกราม เวลานี้ชีวิตที่บ้านของเขาไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เขาไม่ได้สัมผัสกับอาหารเช่นนี้มานาน จึงไม่สามารถควบคุมตนเองไม่ให้เสียมารยาทได้
ส่วนถังชุนหยานก็กินอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทว่าเธอก็ไม่ได้ทำน่าเกลียดจนเกินไป แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่คาดคิดมาก่อนว่าตระกูลเมิ่งจะเตรียมอาหารจานเนื้อมากเช่นนี้
สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเมิ่งไม่ได้กินเร็วนัก ความเร็วของพวกเขาเทียบเท่ากับถังซวง ที่เขาไม่รีบร้อนก็เป็นเพราะปลาและเนื้อชิ้นโตล้วนแต่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
ขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งกับการกิน เมิ่งก่วงจี๋พลางมองถังชุนหยานด้านข้างก่อนจะขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว แววตาเผยความขยะแขยงออกมา แต่ไม่ช้าก็กลับสู่สภาวะปกติ และกินข้าวต่อเช่นเดิม
แม้ถังชุนหยานจะไม่ทันสังเกตสีหน้าของเมิ่งก่วงจี๋เมื่อครู่ แต่ถังซวงเห็นมันชัดเจน ในขณะเดียวกันเธอก็เฝ้ามองการรับประทานอาหารของตระกูลเมิ่งนี้อย่างใกล้ชิด ทว่าเวลานี้เธอกำลังใช้ความคิดอย่างหนักกับสถานการณ์ตรงหน้า
หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว จางหงเม่ยรีบพูดกับเมิ่งก่วงจี๋ว่า “ยังไงก่วงจี๋กับชุนหยานก็เป็นหนุ่มสาวกันแล้ว ทั้งสองคนไปพูดคุยกันเถอะนะ”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ถังซวงพูดออกมาก่อนหน้านี้ ถังชุนหยานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปว่า “งั้นเราไปเดินเล่นบนภูเขากันดีไหมคะ? ฉันได้ยินมาว่าหมู่บ้านหลี่ซานอุดมสมบูรณ์มาก และมีบางคนสามารถขุดโสมอายุกว่าศตวรรษได้ที่นั่นด้วย พวกเราก็อยากเห็นเหมือนกันค่ะ เผื่อว่าจะโชคดีบ้าง”
“หืม… จะพบเจอได้ยังไง ถึงจะมีโสมอายุร้อยปีก็จริง แต่มันควรจะเป็นของคนในหมู่บ้านนี้ คนจากหมู่บ้านอื่นจะมาเก็บมันไปได้ยังไง” เมิ่งก่วงจี๋พูดออกมาตรง ๆ โดยไม่อ้อมค้อม
ถังชุนหยานเงียบไปทันที เธอไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรต่อ
จางหงเม่ยพลันมองหน้าเมิ่งก่วงจี๋ทันที ก่อนจะหันมองถังชุนหยานด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยว่า “ชุนหยาน มันเป็นเพียงเรื่องโกหกทั้งนั้น ไม่มีโสมอายุมากขนาดนั้นในหมู่บ้านของเราหรอก มีแต่คนเขาเล่าลือกันไปเอง ไม่ต้องไปที่ภูเขาหรอกมันไม่มีอะไรน่าดู”
“ค่ะ… เรื่องโกหกหรือคะ แต่ผู้คนในหมู่บ้านรอบ ๆ กลับลือกันทั่ว”
ขณะนั้นเอง เมิ่งหย่งก็เอ่ยพูดขึ้นจากด้านข้าง “ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก เราไม่รู้ว่าข่าวลือพวกนั้นกระจัดกระจายออกไปได้ยังไง บางทีพวกเขาอาจเห็นว่าหมู่บ้านของเราเป็นภูเขาเลยคิดว่ามีของดี ความจริงแล้วไม่มีอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับมีแต่สัตว์ดุร้ายมากมาย เพราะอย่างนี้แม้แต่คนในหมู่บ้านเองก็ยังไม่อยากขึ้นไปบนภูเขาเลย”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังไห่โปผงะก่อนจะหันมองถังชุนหยาน “เธอไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือไง? จะไปบนภูเขาเพื่ออะไรกัน ให้ก่วงจี๋พาเราเดินเล่นรอบหมู่บ้านก็พอแล้ว”
ถังชุนหยานไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ เธอหันมองถังซวงโดยไม่รู้ตัว
ถังซวงพลันหัวเราะออกมาก่อนจะพูดว่า “พวกเราไม่รู้จริง ๆ ค่ะว่ามันเป็นข่าวลือ อย่างนั้นพวกเราจะไม่ไปที่นั่นก็ได้ ไปเดินเล่นรอบหมู่บ้านก็ดีเหมือนกันค่ะ”
จางหงเม่ยรีบเอ่ยบอกเมิ่งก่วงจี๋ “ก่วงจี๋รีบพาชุนหยานและคนอื่น ๆ ไปเดินเล่นสิ”
“ครับ”
เมิ่งก่วงจี๋พยักหน้ารับก่อนจะพาถังซวงและคนอื่น ๆ ออกไปข้างนอก
ถังชุนหยานเดินข้างถังซวง ดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ พลางเอ่ยถามว่า “พี่ซวงคะ เราต้องไปที่ภูเขาเพื่อสืบเรื่องนี้หรือเปล่าคะ?”
ถังซวงยิ้มพลางพยักหน้าเมื่อได้ยิน
เมื่อเห็นว่าถังซวงพยักหน้า ถังชุนหยานรู้สึกมีความสุขขึ้นทันที เธอกำลังจะพูดบางอย่างกับถังซวงต่อ แต่เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนส่งสายตาเย็นชามาให้ เลยกลืนคำพูดทั้งหมดลงท้องแล้วเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นการกระทำของถังชุนหยานแล้ว โม่เจ๋อหยวนเลิกคิ้วอย่างงุนงง รู้สึกว่าซวงเอ๋อร์เองก็ยังมีลูกพี่ลูกน้องที่ดีอยู่บ้าง
เมื่อถังไห่โปเห็นถังชุนหยานเข้ามาใกล้ตน เขาผลักเธอไปยืนด้านข้างของเมิ่งก่วงจี๋ทันที
“ก่วงจี๋ นายควรจะคุยกับชุนหยานให้มาก เด็กนี่มักจะพูดถึงนายบ่อย ๆ ตอนอยู่บ้าน แต่พอได้พบกันจริง ๆ เธอกลับขี้อายซะอย่างนั้น”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังชุนหยานถึงกับถลึงตาใส่พี่ชายของตน แต่ไม่รู้จะตอบกลับเขาว่าอย่างไร เธอรู้สึกว่าพี่ชายคนนี้น่ารำคาญจริง ๆ
เมิ่งก่วงจี๋ได้ยินเธอพูดเพียงพยักหน้ารับแล้วเอ่ยว่า “มันเป็นเรื่องปกติที่หญิงสาวมักจะขี้อาย”
เวลานี้ถังชุนหยานเงยหน้าขึ้นมองเมิ่งก่วงจี๋โดยไม่รู้ตัว เธอเห็นความเย็นชาและเฉยเมยในดวงตาของอีกฝ่าย จากนั้นความรู้สึกแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงเท่านี้ ทั้งท่าทีและทัศนคติของเมิ่งก่วงจี๋ทำให้ถังชุนหยานรู้สึกว่ามันผิดปกติ
ถังซวงได้ยินการสนทนาเหล่านั้นชัดเจน เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเมิ่งก่วงจี๋
เมิ่งหย่งและจางหงเม่ยก็ไม่แตกต่าง แต่เป็นเพราะเมิ่งก่วงจี๋ยังหนุ่มและเขาไม่สามารถกักเก็บอารมณ์ได้ เขาเลยไม่คิดสนใจคนทั้งหมดที่ร่วมเดินออกมาด้วยกันสักนิด ทั้งยังเปิดเผยความรำคาญที่ฉายชัดในแววตา
“อืม… ตระกูลเมิ่งนี่น่าสนใจดีนะ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะกล่าวกระซิบ “ใช่ น่าสนใจจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งแจกันที่บ้านที่เป็นของเก่า แม้เครื่องประดับต่าง ๆ จะไม่โดดเด่นแต่กลับมีค่า ถ้าฉันเดาไม่ผิด บ้านของตระกูลเมิ่งไม่ธรรมดาแน่นอน”
ถังซวงพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดต่อว่า “ค่ะ มันไม่ใช่บ้านธรรมดาที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องดินเผา คนธรรมดาทั่วไปอาจไม่มีสิทธิ์เข้าไปในบ้านหลังนั้นด้วยซ้ำ อยากรู้จริง ๆ ว่ามีความลับอะไรที่ตระกูลเมิ่งพยายามปกปิดเอาไว้”