บทที่ 2 ผู้ที่ไม่อาจไปสู่สุขคติ
ตอนที่ 25 ยานพาณิชย์ดาวไดม่อน
***วันที่ 5 เรตนิว ปีที่ 125 เวลา 36:00 น.
ยานลำหนึ่งกำลังบินลอยสูงเหนือพื้นน้ำทะเลที่ระดับ 1,800 กิโลเมตร
สำหรับดาวดวงนี้ มันก็คือระดับรอยต่อที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงอวกาศ
ใช่แล้ว
เจ้ายานลำโตลำนี้ มิใช้ยานบิน แต่เป็นยานอวกาศ
มันเป็นยานรูปร่างคล้ายปลาปักเป้าที่พองตัวจนแทบจะเป็นทรงกลม
ขนาดของมันใหญ่พอที่จะสามารถบรรจุผู้โดยสารได้มากถึง 500 ชีวิต
ข้างในของยานมีความกว้างขวางสุดแสนจะพรรณา
กว้างพอกระทั้งสร้างมันให้เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ให้บริการอยู่ข้างในได้
มันคือยานพาณิชย์เพื่อการขนส่งข้ามทวีปของบริษัท [บริษัทอาร์โธร์โพดา พาส คอมพานี] หนึ่งในบริษัทลูกของบริษัทระดับโลก [เทคโนยะมะโตะ&เอสเทอ] ของชาวดาวไดม่อน
เพื่อให้การขนส่งยานขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็วและประหยัดพลังงาน พวกเขาจึงสร้างดาวเทียมวงแหวนโคจรเหนือระดับพื้น แล้วส่งให้มันถูกเหวี่ยงลอยไปตามแรงโน้มถ่วง
วงแหวนดาวเทียมที่โคจรนับร้อยนับพันเรียงตัวต่อกัน จะทำหน้าที่เป็น [รางรถไฟอวกาศ] สร้างสนามแม่เหล็กแรงสูง แล้วพลักดันวัตถุ หรือก็คือยานพาณิชย์แต่ละลำ ให้บินไปตามเส้นทางที่ถูกกำหนดเอาไว้
ด้วยวิธีนี้ จึงทำให้พวกเขาสามารถเดินทางโดยสารบนน่านฟ้าเหนืออวกาศ และควบคุมบริมาณการสัญจรได้เสมือนหนึ่งคล้ายกับระบบรถรางที่ใช้บนพื้นผิวดิน
“พระจันทร์สวยดีแฮะ”
เทพไร้แขน หรือ เอโซ สตรีเผ่ามนุษย์นกผมสีเหลืองรวบทรงไว้หางม้ายาว กำลังนั่งชมวิวผ่านหน้าต่างบานโตของตัวยานที่สร้างติดเอาไว้ตรงริมทางเดิน
ในมือของเธอนั้นมีแก้วกระดาษบรรจุชาร้อนหอมกรุ่นถือเอาไว้ด้วยขนปีกสีทองอยู่ใบหนึ่ง
“อ๊า— พอได้เห็นพระจันทร์ ผมผู้นี้จักคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องพึงระวังแสงจันทร์ที่ชั่วร้ายเหล่านั้นดอกหรือ? ณ เพลาที่เห็นดวงจันทร์ทั้งสามเรียงตัวส่องแสงสีแดง สิ่งอัปมงคลจักหวนคืนสู่โลกา– สหาย! พวกเราต้องรีบลงมือกันแล้ว! ”
เทพไร้ขา หรือ แมรี่โกลด์ สตรีเผ่าภูติผมสีแดงสายฟ้า กำลังกางปีกลอยตัวเหนือเก้าอี้ พร้อมกับชี้นิ้วไปที่พระจันทร์ทั้งสามดวงที่กำลังจะลอยมาเรียงตัวตรงกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“เราต้องรีบไปแจ้งนักบินให้รีบหักยานเลี้ยวออกจากเส้นทางในตอนนี้ มิฉะนั้นหากมุมองศาของยานอยู่ในแนวพระจันทร์ที่เรียงตัวตรงกันละก็ ยานลำนี้จะเกิดเหตุอัปมงคลขึ้นมาได้! ”
เธอส่งเสียงตะโกนดังลั่น จนทำให้ผู้คนที่เดินไปมาตามทางชมวิว ต่างหันมามองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ กัน
[อย่าได้สนใจคนบ้าค่ะ (ᗜˬᗜ) ]
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องไปทางภูติหัวแดง มีป้ายหนึ่งกำลังถูกชูขึ้นสูงเหนือหัวของกลุ่มฝูงชน
คนที่ชูป้ายนั้นเป็นสตรีเผ่ามนุษย์สัตว์-สายพันธุ์มนุษย์หนู ที่มีผมสีฟ้าเหมือนผืนทะเลอันงดงาม
สายตาของทุกคนต่างหยุดชะงักให้กับความงดงามของสตรีผู้นั้น
แต่พอได้เห็นดวงตาที่ถูกคาดด้วยผ้าปิดตา กับใบหูที่เว้าแหว่งพิการ พวกเขากลับรีบเปือนหน้าหนี แล้วเดินถอยออกห่างไปไกลแทน
พวกเขาล้วนแต่รู้สึกเวทนาสงสาร จนรู้สึกผิด และหวาดกลัวที่จะต้องเข้าไปใกล้เธอคนนั้น
“ว่าใครเป็นคนบ้ากันยะยัยลาพิส! ในหมู่พวกเรามีผมนี่แหละที่เป็นยอดนักทำนายดวงชะตาเลยนะ! ”
“จะ- จ๊า~ แม่ยอดนักทำนายที่ไม่เคยทำนายเลยสักครั้งเดียว”
[ใช่เลย~ คำทำนายจูนิเบียวของเธอนะ แม่นยำราวจับวางเลยล่า~ (◕‿◕❀) ]
“ไม่เห็นมีความจริงใจอยู่ในคำพูดเลยสักนิด! งั้นก็ได้! ผมจะไปแจ้งเตือนที่ห้องนักบินคนเดียวเองก็ได้! ถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมา อย่ามาหาว่าผมไม่ได้เตือนพวกเธอก่อนก็แล้วกัน! ”
ว่าแล้วภูติตัวน้อยก็บินหนีออกห่างจากสหายรักของเธอเป็นการชั่วคร่าว
***
“ทำไมถึงไม่เชื่อกันนะยัยบ้าพวกนั้น ทั้งที่อยู่ร่วมกันมามากกว่าหนึ่งพันปีแล้วแท้ ๆ!! ”
รู้สึกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ผมคือภูติหัวแดงแห่งเผ่าภูติผู้ยิ่งใหญ่
ในอดีตเมื่อชาติบางก่อนจะได้กลายเป็นเทพ เคยได้รับการขนานนามว่าเป็น [มหานักปราชญ์ผู้หยั่งรู้] เลยเชียวนะ!
แล้วทำไมยัยสองคนนั้นถึงไม่ยอมเชื่อ!!
ทั้งที่มันเป็นครั้งแรก ที่ผมพยายามโอ้อวดแสดงความสามารถในการทำนายให้พวกเธอได้เห็น!
“…”
ครั้งแรก?
หืม? เอะ? อ่าว?
จะว่าไป ตอนที่เป็นเทพในแดนนรก มันไม่มีโอกาสจำเป็นที่จะต้องใช้การทำนายแสดงให้ยัยพวกนั้นได้เห็นเลยนี่หว่า?
“บูว~… เพราะแบบนี้นี่เอง”
เข้าใจแล้วว่าทำไมยัยพวกนั้นถึงไม่ยอมเชื่อ
ผมลอยเหนือพื้นไปตามทางเดินเพียงตัวคนเดียวด้วยความรู้สึกที่เปล่าเปลี่ยว
ระหว่างที่บินไป ซดกาแฟไป ผมก็มานั่งคิด
จะว่าไปแล้ว— ทำไมเทพไร้แขนถึงให้เป้าหมายต่อไปเป็นการปราบพวกอาชญากรรมแทนเนี่ย?
เป้าหมายของพวกเราคือการหาวิญญาณหลง ดูดกลืนพลังของมัน แล้วส่งดวงวิญญาณที่ไร้อิทธิฤทธิ์คืนสู่โลกหน้าไม่ใช่หรือยังไง?
“อืม… แต่อย่างยัยนั่นคงมีแผนการบางอย่างที่ยังไม่ได้พูดออกมามากกว่า งั้นก็ช่างมันเถอะ”
คิดมากไปปวดหัวเปล่า
ตอนนี้ที่สำคัญมากกว่า คือการยับยั้งไม่ให้มุมของยานลำนี้เรียงตัวตรงกับแนวพระจันทร์ต่างหาก
ด้วยการทำนายดวงชะตา ถ้าพระจันทร์เรียงตัวตรงกับตัวยานเมื่อไหร ได้เกิดฉิบหายแน่นอน
ถึงจะไม่รู้ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามทีเถอะนะ
การทำนายดวงชะตามันก็เป็นอะไรแบบนี้อยู่แล้วนี่ จริงไหม?
“นี่ ๆ ไอหนูที่สวมชุดลูกเรือตรงนั้น จงนึกขอบคุณซะ ที่มหานักปราชญ์ผู้หยั่งรู้อย่างผมผู้นี้จะมาบอกคำทำนายให้ฟรี ๆ ”
ผมบินเข้าไปทักมนุษย์นกขนสีดำที่กำลังเดินตรวจตรายานอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ
“หา? ”
มนุษย์นกขนสีดำหันมามองผมทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองรอบตัวเองด้วยความสงสัย
” จะมองไปไหนของเจ้ากัน ผมหมายถึงเจ้านั่นแหละไอหนูน้อย! ”
” เออ… หมายถึงผมอย่างงั้นหรือครับคุณผู้หญิง? ”
เขาตอบผมด้วยรอยยิ้ม
แต่ไอเจ้าสายตาที่ดูขัดแย้งกับรอยยิ้มรับแขกนี่มันคืออะไรกันยะ?
เด็กยุคนี้ช่างไร้ซึ่งความเคารพที่มีต่อเทพเจ้ากันเสียจริง!
“ยามที่ได้เห็นดวงจันทร์ทั้งสามเรียงตัวส่องแสงสีแดง สิ่งอัปมงคลจักหวนคืนสู่โลกา จงรีบนำข้อความนี้ไปบอกต่อกัปตันเรือ อย่ายอมให้มุมของเรือไปเรียงตัวตรงกับมุมของดวงจันทร์ทั้งสามเด็ดขาดเชียว! ”
พอบอกคำพยากรณ์ออกไป อีกฝ่ายก็นิ่งเงียบตัวค้างไปเลย
สงสัยว่าคงจะประทับใจในคำพยากรณ์ของผมมากเลยกระมั้ง?
” เออ… ขอถามอะไรที่เสียมารยาทหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามีอายุเท่าไหรหรือครับ? ”
” บังอาจนักที่มาถามอายุของอิสตรี! แต่มิเป็นไร ผมผู้นี้จักตอบคำถามของเจ้าให้! อายุของผมนั้นคือ 1,999 ปี เช่นไรละ!! ”
***5 นาทีต่อมา
“ฝากตามหาผู้ปกครองของเด็กคนนี้ให้ทีสิเจ้าหน้าที่ ดิไลออน”
” ได้เลย ออน~”
ทำไมผมถึงถูกพาตัวมาที่ห้องดูแลเด็กหลงทางกันได้เนี่ย…
” เอาละออน~ เป็นเด็กหลงทางสินะเรา? ออน~”
เจ้าหน้าที่เผ่าภูติที่มีผมสีขาว หน้าตาดูมีอายุ กำลังเคลื่อนตัวหันมาทางผมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เวรละ
ถ้าถูกประกาศชื่อเป็นเด็กหลงทาง มีหวังได้โดนยัยพวกนั้นล้อจนถึงชาติหน้าแน่
ต้องหาทางหนี!
“ไหน? อย่าได้กลัวไปเลยนะแม่สาวน้อย ลองบอกชื่อกับอายุ—”
*พิ้ว~~~°°°*
“— หายตัวไปไหนแล้ว!?! ”
ผมกำลังบินทะยานออกมาด้วยความเร็วสูง
ใช้เทคนิคและความรู้ทางธรรมชาติ ผสานเข้ากับความรู้ที่เคยเป็นเทพเจ้า สร้างสนามแม่เหล็ก ผสานเข้ากับการบิดแปรมิติที่ว่าง เพื่อร่นระยะเส้นทางในการเคลื่อนจากจุดหนึ่ง ไปสู่อีกจุดหนึ่ง
ผลลัพธ์ของการผสานวิชาที่ยากแก่การเลียนแบบนี้ คือการที่ผมสามารถมาปรากฏตัวอยู่ที่ข้างนอกห้องได้ภายในหนึ่งกระพริบตาเท่านั้น
หึ หึ หึ มองไม่หันเลยใช่ไหมล่าเจ้าภูติหน้าโง่หัวขาว~
“ประกาศถึงทุกคนในยาน! มีภูติตัวเล็กผมสีแดงไว้ทรงเหมือนสายฟ้าฟาด สวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นท้าลมหนาว หากเจอตัวเด็กคนที่ว่า ช่วยควบคุมตัวพากลับมาที่ศูนย์ดูแลเด็กหลงทางด้วย!! ออน! ”
เสียงประกาศของเจ้าหน้าที่หัวขาวกำลังดังไปทั่วยาน
เวลาเดียวกัน เหล่าเจ้าหน้าที่กับผู้โดยสาร ล้วนต่างหันมามองทางผมเป็นสายตาเดียว
เฮ้ย… เล่นประกาศกันแบบนี้เลยเรอะ?
” อยู่ตรงนั้นไง! ”
” แว๊กกก!! โดนรุมแล้ว!?! เอโซ ลาพิส! ช่วยเค้าด้วยยย!!! ”
***ในเวลาเดียวกัน***
ณ ห้องเครื่องของยาน
ไม่ว่าจะเป็นแก้วบรรจุแร่คริสตัลสีฟ้าที่ใช้เป็นสารเร่งปฏิกิริยาก็ดี
โลหะทรงกลมที่ภายในเต็มไปด้วยคลื่นรังสีคอยหมุนสร้างพลังงานขับเคลื่อนเครื่องจักรกลต่าง ๆ ก็ดี
รวมไปถึงแผงสนามพลังโน้มถ่วงที่คอยสร้างความสมดุล ไม่ให้ยานลำนี้ถูกเหวี่ยงออกจากแนวเส้นทางโคจรก็ดี
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเครื่องจักรที่ละเอียดอ่อนและเปราะบาง จนอาจเทียบได้กับเป็นหัวใจของสิ่งมีชีวิต
ภายในสถานที่ซึ่งเป็นหัวใจหลักของยานลำโตลำนี้ มันไม่ควรจะมีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายระหว่างการเดินทาง นอกจากเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับยาน
แต่ทว่า—
ด้วยเหตุผลบางประการ เจ้าหน้าที่ ที่ควรเดินตรวจตราเพื่อเช็คสภาพการทำงานของเครื่องจักร กลับอยู่ในสภาพล้มตัวนอนท่ามกลางกองเลือดอยู่บนพื้นไปแทน
เงาของบุคคลลึกลับที่ไม่อาจระบุเพศหรือเผ่าพันธุ์ จำนวนราวสิบคน กำลังยืนคุยท่ามกลางซากโปรตีนไร้ชีวิตที่พวกเขาสร้างขึ้น
สิ่งสังเกตุของพวกเขา มีเพียงแค่แสงไฟทางหนีฉุกเฉินสีแดงที่กำลังส่องกระทบลงบนเข็มกลัดสีทองบนปกเสื้อของพวกเขาเท่านั้น
“จัดการยึดห้องเครื่องเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดีมาก ที่เหลือก็แค่ทำให้ยานลำนี้ไปตกลงที่ทวีปสนามแม่เหล็ก พวกเราก็จะจบงานนี้กันได้เสียที”
“ครับท่าน ว่าแต่ จากการคำนวณระยะทาง เวลาและมุมองศาในการตก จะให้พวกเราเริ่มแผนการตอนไหนนะครับ? ”
“อีกราวสามชั่วโมงข้างหน้า แต่อาจคลาดเคลื่อนได้ ขึ้นอยู่กับความเร็วของยานลำนี้ แต่ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เวลาและตำแหน่งที่เหมาะสม คือตอนช่วงที่มุมของยานตรงกับเวลาที่พระจันทร์สามดวงเรียงซ้อนทับกันพอดี ยังไงก็เป็นยานที่วิ่งด้วยความเร็วคงที่ไปในทิศทางที่แน่นอนอยู่แล้ว ดูเอาจากตำแหน่งพระจันทร์เป็นตัวกำหนดก็ได้”
” ครับท่าน! ”
หลังสิ้นเสียงขานรับ เงาทั้งสิบชีวิตจักเลือนหายไปในอากาศ
หายไป ไม่เหลือแม้แต่กลิ่นอายหรือร่องรอยใด ๆ ทิ้งเอาไว้
MANGA DISCUSSION