บทที่ 98 – จิตใจที่น่ารังเกียจ
แอนนี่จึงเก็บอาวุธด้วยประการเช่นนี้ ส่วนเซเลียแม้จะมีความหยิ่งทระนง แต่ถ้าเธอไม่รู้จักยืดหยุ่น คงตบตาพวกราชวงศ์ที่เธอคิดจะกลับคืนตำแหน่งด้วยการเป็นราชินีคอยบงการเชื้อพระวงศ์จอมปลอมก่อนจะหุบกลืนอย่างช้าๆ ไม่ได้
ดังนั้นในสถานการณ์ขอความช่วยเหลือเธอก็ไม่จำเป็นต้องถือตัวมากมายขนาดนั้น อันที่จริงอาจจะเป็นเพราะเธอทำตัวแบบนี้
ทำให้เธอเป็นที่ยอมรับจากประชาชนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลเธอ แม้แต่เธอที่ไม่หยิ่งในตัวเองฝักใฝ่หาความรู้จนแข็งแกร่ง
ยืนอยู่ในฐานะที่เป็นนักเรียนแห่งความภาคภูมิใจแน่นอน แม้ยังไม่เริ่มการช่วงชิง และเธอก็มีมันสมองที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
แอนนี่เองก็ยอมรับในข้อนี้ดี ส่วนคนที่ชื่อเลทิเซียทั้งสองพอเดาออกมว่าทสึรุหมายถึงซากศพที่ตายอยู่ในบ้านไม้นั่น
“แต่ว่าทำไมคนตายถึงไม่ฝังล่ะ?”
แอนนี่กระซิบถามเซเลียที่อยู่ด้านข้าง ส่วนเซเลียก็ไม่ทราบตรงจุดนี้เหมือนกัน แต่ท่าทีของอีกฝ่ายก็ดูแปลกๆ เธอจึงได้แต่ตอบกลับไปว่า
“ข้าเองก็ไม่รู้”
หลังจากทั้งสองเข้าไปในบ้าน ด้วยความที่เป็นบ้างเล็กๆ และปูพื้นด้วยไม้ทำให้ในบ้านไม่ต้องนั่งติดดิน แม้ไม่เตียงหรือมีจึงแทบไม่ต่างกันนัก
แม้มันจะไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่พอจะนอนสามคน แต่แอนนี่กับเซเลียก็ไม่ได้คิดจะนอน พวกเธอนั่งลงมุมหนึ่งและพิงผนัง
แม้พวกเธอจะเปลี่ยนเสื้อด้วยการโบกสะบัดมือหนึ่งครั้ง แต่ทสึรุยังตัวเปียกโชกเพราะเธอไม่มีชุดให้เปลี่ยน ทว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอนั่งลงข้างเตียงเลทิเซียเหมือนทุกๆ วัน มองหน้าเลทิเซียที่ไม่ขยับ ราวกับว่าเธอสามารถมองได้ทั้งวันอย่างไรอย่างนั้น
เซเลียกับแอนนี่ภาพนี้ ยิ่งทำให้พวกเธอรู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะสายตาของทสึรุที่มองเลทิเซียแทบจะไม่กะพริบมั้ง แอนนี่ดันไปเกิดความคิดพิลึกพิลั่นหนึ่งขึ้นมา
เธอกระซิบข้างหูเซเลีย
“นี่คงไม่ใช่บ้านผีสิงหรอกมั้ง..”
แอนนี่ไม่พูดยังพอว่า แต่พอเธอพูดเซเลียถึงกับสะดุ้ง แต่พอมาคิดดูคงไม่ใช่หรอก ผีที่ไหนเขาจับหอกฟันคนแบบนั้นล่ะ
แต่เซเลียก็ยังกลัวอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อมองดูดีๆ แล้วก็เห็นทสึรุยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด มองหน้าศพแล้วยิ้ม มันทำเอาเซเลียขนลุกขนชัน
แอนนี่ยังพอว่า แต่เซเลียนี่เหมือนสมองจะมีเสียงดังลั่น เธอกลัวนี่น่า! ถึงจะมีเวทมนตร์แต่ถ้าผีจู่ๆ ก็พุ่งมาแต่ไหนไม่รู้หลอกเข้าให้ จะมีสติที่ไหนไปใช้เวทล่ะ
ยิ่งคิดก็ยิ่งตัวสั่น แอนนี่เห็นท่าทางของเซเลียเธอก็รู้สึกขำขัน เธอรู้ว่าเซเลียกลัวผี แต่เพราะเห็นท่าทางของทสึรุทำให้แอนนี่พูดออกมาไม่ทันคิด
เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย ใคร่ครวญว่าจะออกสถานการณ์นี้ยังไงและเมื่อคิดได้เธอจึงกระแอมออกมาเบาๆ
“อะแฮ่ม..เอ่อ.. เจ้ามีชื่อว่าอะไรเหรอ?”
ทสึรุก็ไม่ใช่คนปฏิสัมพันธ์แย่ เธอแค่ไม่ถนัดพูดเท่านั้น ตั้งแต่เข้ามาเธอจึงไม่รู้จะเปิดหัวข้อยังไง สุดท้ายก็ไปนั่งข้างเลทิเซีย
แน่นอนว่าตอนอยู่กับเลทิเซียเธอสามารถพูดเยอะได้เพราะว่าคนคนนั้นคือเลทิเซีย ระยะห่างระหว่างเลทิเซียกับทสึรุในสายตาทสึรุตอนนั้น
นับว่ามีไม่มากเท่ากับแอนนี่และเซเลีย แม้จะเป็นของปลอมแต่ในความคิดทสึรุก็เป็นเช่นนั้น นั่นทำให้เธอถนัดพูดนักแหละ
แต่พอเจอคนไม่รู้จักจึงมีสภาพเช่นนี้ พอได้ยินคำถามเธอจึงตอบออกไปอย่างไม่ประหยัดคำพูด
“ข้าชื่อว่า ทสึรุ.. เอ่อ.. เป็นนักเรียนชั้นปีหนึ่งน่ะ.. ส่วนนี่เลทิเซีย เธอก็เหมือนกัน”
“ข้าชื่อว่าแอนนี่ ส่วนยัยนี่คือเซเลีย.. ถึงเซเลียจะปากคอเราะรายไปหน่อยแต่ก็เป็นเด็กดีนะ ถึงจะเจ้าเล่ห์ไปหน่อยก็เถอะ”
“หยุดพูดไปเลยนะ แอนนี่!”
เซเลียไม่พอใจกับการแนะนำตัวที่แอนนี่แนะนำให้ตัวเอง ถึงนางจะเจ้าเล่ห์จริงก็เถอะ นางปฏิเสธไม่ได้จริง..แต่นั่นเพื่อปราบกบฏสารเลวนี่น่า!
ทสึรุเห็นภาพนี้ก็อดแปลกใจไปหน่อย เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อเซเลียนี่ปากคอเราะรายยังไงเนี่ย ไม่เคยเห็นเธอวางท่าเหมือนคนปากจัดเลยน้า
พอบรรยากาศผ่อนคลายลงทำให้เซเลียผ่อนคลายลงเช่นกัน ความคิดประเจิดประเจ้อหายไป ผีอะไรจะพูดด้วยน้ำเสียงสดใสแบบนี้
พอคิดแบบนั้นเธอก็หายใจคล่อง แต่พอนึกถึงตัวเองที่กลัวคนก็อดที่จะอับอายไม่ได้ อารมณ์เธอสับไผสับมาเหมือนถึงวันนั้นของสตรี
“จริงสิ พวกเจ้าบอกว่าพึ่งมาถึงสินะ พอมีทางออกหรือเปล่า?”
“เอ่อ.. เรื่องนี้..”
แอนนี่ลังเล แน่นอนว่าพวกเธอรู้แต่จะให้บอกยังไง บอกให้อีกฝ่ายไปแย่งอาวุธวิเศษกับตัวเองงั้นเหรอ
แน่นอนว่าย่อมไม่มีทาง เซเลียเองก็ไม่มีทางทำเช่นนั้น แอนนี่ก็หันมามองเซเลียรอคำตอบจากเซเลีย แม้ฟังดูยาวแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ
เซเลียตอบออกไปทันที
“ทุกๆ คืนพระจันทร์เต็มดวง จะมีหลุมมิติปรากฏขึ้นในที่ไหนสักแห่งใต้ทะเล ต้องฝ่าแรงดูดผลักออกไป เพราะหลุมมิตินั้นที่นี่คือปลายทาง ดังนั้นแรงดูดจึงมาจากอีกฟากของหลุมมิติ..”
พอเธอพูดเสร็จทสึรุก็ขมวดคิ้ว เธอไม่มีความสามารถทางด้านเวทมนตร์หรือการป้องกันอะไร โดยเฉพาะมองหาหลุมมิติใต้ทะเลลึกที่กว้างขวางแบบนี้
นี่นับว่าเป็นงานหยาบอย่างมาก แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณเซเลีย
“ขอบคุณมากนะ”
การขอบคุณของทสึรุนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แกมาจากใจจริง แม้เซเลียและแอนนี่จะใจแข็งแค่ไหนก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เอาจริงๆ พวกเธอรู้ว่าทสึรุใช้เวทมนตร์ไม่ได้
เซเลียมองออกในพริบตาแรกเลยแหละ แต่เพราะพลังการต่อสู้เธอสูงมากเช่นกันทำให้เซเลียอึ้งไม่มากก็น้อย
ทว่าการจะหาหลุมมิติและฝ่าออกไปนั้นไม่เกี่ยวกับพลังต่อสู้ แต่อยู่ที่พลังป้องกันจะต้านทานแรงผลักหลุมมิติได้หรือไม่
และการตรวจสอบว่าจะกาหลุมมิติเจอหรือเปล่า! ขนาดพวกเธอเองถ้าจะออกไปคงใช้เวลาหลายเดือน ด้วยมีเวทมนตร์ช่วย
ไม่ต้องพูดถึงทสึรุเลย… และมากไปกว่านั้นทสึรุยังมีภาระคือศพจากสังเกตดู ดูเหมือนว่าทสึรุจะให้ความสำคัญกับศพมาก
อาจหมายความว่าเธอจะพาศพออกไปด้วย นั่นก็คือต้องปกป้องศพไปด้วย นี่ยิ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ทว่าเซเลียก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้
เธอก็มีภาระหน้าที่ของตัวเองเช่นกัน
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง จนสุดท้ายเซเลียก็ต้องพูดเตือนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…
เมื่อเห็นท่าทางของทสึรุที่คิดจะฝ่าออกไปยังไงนั้น ทำให้เธอต้องถอนหายใจจึงพูดออกมา
“หากเจ้าอยากจะออกไปจริงๆ ด้วยความเร็วของเจ้าคงฝ่าออกไปได้ แม้อาจจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ห่างไกลจากคำว่าตาย.. แน่นอนว่าพูดถึงกรณีที่เจ้าไม่พาร่างไร้วิญญาณนั้—”
แต่ก่อนที่เซเลียจะพูดจบ เสียงของทสึรุก็ดังขึ้นตัดบทสนทนา แม้แต่เสียงพายุคะนองยังเหมือนเบากว่า…
“เลทิเซียยังไม่ตาย!”
คำพูดนั้นตัดทุกบท เธอไม่ไว้หน้าไม่สนใจเหตุผลที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมาเพื่ออะไร แต่เธอไม่สนใจ เธอพูดเสร็จทำให้บ้านไม้ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ในตอนนี้เซเลียเข้าใจแล้ว.. เหตุผลที่ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ทสึรุคนนี้ไม่เคยเรียกศพว่า ‘ร่างเลทิเซีย’ เลย.. เธอมีเพียงแนะนำว่านี่คือเลทิเซีย
เลทิเซีย..และเลทิเซีย.. เซเลียพลาดไปอย่างมาก พลาดอย่างถึงที่สุด! เธอไม่ทันสังเกตเลยว่าการกระทำของทสึรุมองยังไงก็ไม่ใช่คนทำกับศพ
แต่เป็นคนทำกับคน.. แอนนี่ก็อึ้งไปเหมือนกัน ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงันไปอีกครั้ง
“เฮ้อ..”
ทสึรุถอนหายใจออกมา เหมือนกับไม่ได้คิดมานักกับคำพูดนั้นของอีกฝ่าย เหมือนกับเซเลียชี้บอกว่าแอนนี่น่ะตายไปละ
ทั้งๆ ที่เธอมีชีวิตอยู่ตรงนี้! ใช่.. ราวกับว่าคำพูดของเซเลียเป็นเหมือนมุกตลกที่ไม่เก็บมาใส่ใจเรื่องหนึ่ง
นี่ยิ่งทำให้เซเลียใจสั่น ยังไงซะเธอก็พอเข้าใจมนุษย์วิทยาอยู่บ้าง.. การที่คนคนหนึ่งยอมรับไม่ได้ว่าใครสักคนตายไป
และเมื่อมีคนมากระตุ้นด้วยคำพูดเช่นนี้ละก็.. คงต้องยอมรับไม่ได้และพาลมาเป็นเกรี้ยวกราดในที่สุด
ทว่า.. ทสึรุกลับไม่ใช่.. ราวกับว่าไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอมรับ..
แต่เพราะเลทิเซียกำลังนอนอยู่ นั่งอยู่ พูดคุยกับเธออยู่ เธอถึงได้มั่นใจและไม่ใส่ใจอะไรมาก.. นี่มันเกินขอบเขตของไม่ยอมรับความจริงไปแล้ว…
นี่มันเข้าค่ายคนที่มีเพื่อนในจินตนาการแล้ว… เซเลียเองก็ใจสั่น..
เธอไม่เข้าใจว่าเลทิเซียที่นอนอยู่นี้สำคัญกับทสึรุขนาดไหน
เธอไม่เข้าใจว่าตอนเลทิเซียคนนี้ตายทสึรุรู้สึกยังไง
เธอไม่เข้าใจว่าทสึรุต้องทรมานแค่ไหนกว่าจะเป็นแบบนี้
แต่เธอพอเดาได้ว่าความสิ้นหวังของทสึรุตอนเสียเลทิเซียคนนี้ไปนั้น
มันมากยิ่งกว่าโลกทั้งใบพังถล่ม ชีวิตของเธอสูญสิ้น…
เพราะไม่อย่างนั้น ไม่มีทางที่ทสึรุจะมาอยู่ในสภาพนี้ได้..
แต่สิ่งหนึ่งที่เซเลียไม่เข้าใจคือ.. ตัวทสึรุมีความพิเศษบางอย่างทำให้จิตใจของเธอฟื้นฟูได้.. แต่ความสิ้นหวังกลับถาโถมไม่หยุด
ความสิ้นหวังที่เจอมามันเป็นครั้งเดียว แต่ด้วยความแปลกพิสดารของทสึรุ ทำให้ราวกับเธอพบเจอมรสุมนับครั้งไม่ถ้วน จนเธอกลายเป็นแบบนี้
………
MANGA DISCUSSION