บทที่ 290 – เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน
หลังจากนั้นเลทิเซียก็ออกมาพบกับซิลเวียตามที่นัดเอาไว้ในตอนแรก แน่นอนว่าเพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่บนโลกนี้
ดังนั้นสำหรับวันนี้เธอจึงเตรียมพร้อมมาก.. ในขณะที่รออยู่นั้นเลทิเซียก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองทั่วไปไม่เด่นสะดุดตาเดินมาหาเธอ
ที่ที่นัดไว้คือแถวๆ หน้าปราสาท แน่นอนว่าถึงจะไม่ใช่ภายในปราสาท แต่แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมามากขนาดนั้น
ทำให้รออบๆ จึงมีแค่ซิลเวียยืนอยู่คนเดียว พอเลทิเซียมาถึงก็เห็นซิลเวียในชุดลำลอง
“ขอโทษนะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
“อืม ข้าพอจะเดาได้อยู่”
ซิลเวียรู้ว่าเลเวียเป็นเทพซึ่งเมื่อกี้เธอสัมผัสถึงเทพอีกคนได้ แถมยังมีการบันดาลโทสะออกมาใส่เลเวีย
ทำให้ซิลเวียรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็อดที่จะสงสารเลเวียไม่ได้ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามารดาคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดจริงๆ
แค่ซิลเวียนึกว่าเมื่อตัวเองกลับไปต้องเจอกับมารดาตัวเองเธอก็อดที่จะไม่อยากกลับ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่อยากกลับสวรรค์
แน่นอนว่าอยุ่ร่วมกับคนอื่นมาถึงจุดนี้ เลทิเซียไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะไม่รู้ว่าเวลานี้ต้องทำอะไรอีกต่อไป
เพราะในอดีตเธอไม่เคยสนิทกับใคร ทำให้เธอขาดสามัญในการอยู่ร่วมกับคนอื่น แต่คราวนี้ไม่ใช่แบบนั้น
ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเลทิเซียคลุกคลีอยู่กับคนอื่นตลอดปี ทำให้เธอแทบจะกลายเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นมากที่สุด
ถึงแม้ที่ซิลเวียใส่จะเป็นชุดลำลอง แต่มันก็คือชุดที่เห็นได้ชัดว่าเลือกมาเพราะเป็นวันพิเศษ คงไม่มีใครที่ไหนใส่ชุดสีฝ่ากางเกงสั้นไปเดทหรอก
ซิลเวียเองก็แต่งชุดที่ธรรมดาและสวยเช่นกัน..
“ชุดสบายๆ ก็เหมาะกับเธอมากเลยนะ”
“อะ.. อืม ขอบคุณ เจ้าเองก็เหมือนกัน”
ซิลเวียกล่าวตอบเลทิเซีย
“ขอบคุณนะ”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าเมืองไป ในเมืองหลวงที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คนแห่งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศนี้คือหนึ่งในประเทศที่รุ่งเรืองที่สุด
ดังนั้นคนในเมืองหลวงจึงอัดแน่นไปด้วยผู้คนยิ่งกว่าในเมืองที่ตั้งอยู่แถวโรงเรียนลิเบอร์อีก
แต่ก็มีขนาดใหญ่กว่าด้วยเช่นกัน นั่นจึงทำให้แม้จะมีคนเยอะกว่า แต่ก็ไม่แออัดเหมือนเมืองนั้น มีทั้งแผงลอยที่แบ่งเป็นเขตเดินกิน เดินชม
มีเขตขายเสื้อผงเสื้อผ้า ตกแต่งหน้า ขายหนังสือ มีทั้งทางที่ขายอาหารสดหรือแม้แต่ร้านอาหารสุดหรูมากมายเต็มไปหมด
ทุกๆ ร้านล้วนเต็มไปด้วยผู้คน ถึงแม้เลทิเซียจะเป็นองค์หญิงแห่งประเทศนี้ เธอก็ไม่เคยออกมาเดินเที่ยวเลย
อันที่จริงออกมาไม่ได้หรอกตอนสมัยอายุยังน้อยๆ เพราะว่าเมืองนี้มีคนมากหน้าหลายตา ไม่มีทางที่ลูเซียโน่กับเลเวียจะปล่อยให้ลุกพวกเขามาเดินเล่นหรอก
ถึงแม้ในเมืองนี้จะมีอาชญากรรมที่น้อยนิด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แถมยังมีคนนอกเมืองผ่านมาทุกวันอีก
นั่นหมายความว่าเธอไม่สามารถเป็นไกด์นำทางให้ซิลเวียได้ แน่นอนว่าซิลเวียเองก็ไม่เคยออกมาด้านนอกเช่นกัน
เพราะพวกเครื่องกินเครื่องใช้ทุกอย่างทางปราสาทจะจัดหาให้เธอเอง อันที่จริงถึงแม้ซิลเวียจะเสียความทรงจำในมุมมองของเลเวีย
แต่เลเวียก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินซิลเวีย ถึงเลทิเซียจะไม่สนใจและเคยให้ซักชุดชั้นในให้ก็เถอะ แต่สำหรับเลเวียก็ยังยำเกรงอีกฝ่ายมากอยู่ดี
ดังนั้นทั้งคู่พอก้าวเข้าเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนก็ได้แต่ยืนหันหน้ามองกัน..
“เจ้า.. เคยเข้าเมืองหรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยหรอก.. แล้วเธอล่ะ..”
ซิลเวียส่ายหน้าตอบเลทิเซีย ทั้งสองคนยืนมองหน้ากันพร้อมกับเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก ถึงในเมืองแถวโรงเรียนลิเบอร์จะมีคนแออัด
แต่เพราะขนาดเมืองมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ มันเลยไม่หลง แต่เมืองนี้มองไปทางไหนก็สุดลูกหูลูกตาทำให้พวกเธออดที่จะกลัวว่าจะหลงไม่ได้
เลทิเซียไม่ได้พูดอะไร เธอยื่นมือไปจับมือของซิลเวียไว้
“อ้ะ..”
“เดี๋ยวหลงน่ะ”
“…..”
ซิลเวียเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเธอจับมือเลทิเซียกลับบรรยากาศรอบๆ ตัวดูแปลกไปเล็กน้อย.. ซิลเวียไม่กล้าสบตาเลทิเซีย
เธอไม่รู้ว่าทำไมเลทิเซียถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้.. สำหรับเธอที่เหมือนจะถูกมองเป็นตัวเกะกะมาตลอด.. แน่นอนว่าถึงเธอจะไม่เคยย่อท้อต่อการใกล้ชิดเลทิเซีย
ตลอดหลายปีที่อยู่กับเลทิเซียที่ปฏิเสธตัวเอง จากกตอนแรกที่เธอแค่พยายามจะตีตัวเข้าใกล้เพื่อเลี้ยงดูเลทิเซีย
แต่พอผ่านไปนานเข้า ความรู้สึกที่ถูกปฏิเสธมันทำให้เธอเหมือนเจอประตูที่ต้องฝ่าฟันเข้าไป.. ใช่ เธอต้องทำให้เลทิเซียไม่คิดว่าตัวเธอเป็นตัวเกะกะ
และรู้สึกว่าเธอเป็นเหมือนคนสำคัญคนหนึ่งให้ได้.. ใช่ ที่มันกลายเป็นแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะความดึงดันไม่ยอมแพ้ของซิลเวียที่มีมาตั้งแต่แรกก็ได้
พอรู้สึกเหมือนแพ้ทำให้เธอยอมรับไม่ได้ จากตอนแรกที่ต้องการดูแลก็กลายเป็นว่าอยากจะให้เลทิเซียยอมรับ
และท้ายที่สุดก็มาลงเอย.. อย่างน้อยก็อยากจะให้เธอพึ่งพาตัวเองบ้าง.. เพราะตลอดช่วงเวลาที่เติบโตมา
เลทิเซียมักจะเป็นผู้โดดเดี่ยวอยู่เสมอ.. นอกจากเลวี่แล้วเธอไม่เคยยอมรับใคร.. ใช่พอเวลาผ่านไปความรู้สึกต่างๆ นานา ของซิลเวียก็เติบโตขึ้น..
จนแค่อยากจะเห็นเด็กคนนี้ยิ้มสักครั้ง อยากให้เธอมีความสุขกับสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนบ้างสักครั้ง..
จุดประสงค์ของผู้ทรงปัญญามักแปรเปลี่ยนตามกาลเวลาและสถานการณ์ ใช่ มันเป็นแบบนั้น เธอพยายาม.. แต่ไม่ว่าจะมากขนาดไหนก็ไม่พอ
ไม่พอและไม่พอ.. จนกระทั่งเมื่อห้าปีก่อน.. เริ่มเข้าโรงเรียน สำหรับซิลเวียแล้วเลทิเซียนั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน..
ความรู้สึกที่เหมือนถูกกีดกันมันหายไป.. แต่ว่าในตอนนั้นในตอนที่มองเข้าไปในดวงตาเธอมันเหมือนไม่ใช่เลทิเซีย.. ไม่ใช่เด็กคนนั้นจริงๆ ..
อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดมรสุมไปทั่วโลก.. เด็กคนนี้ก็กลับมาอีกครั้ง เธอกลับมาพร้อมกับการแปรเปลี่ยน ซิลเวียไม่รู้เลยว่าเธอคนนี้ไปเจออะไรมาบ้าง
ถึงทำให้เธอเปลี่ยนยังกับหน้ามือเป็นหลังมือ แต่พอมองเข้าไปดวงตามันทำให้เธอได้รู้ว่า.. ใช่ นี่แหละเลทิเซีย..
ตั้งแต่นั้น เลทิเซียก็ไม่เคยทำตัวเหมือนเธอเป็นตัวเกะกะ.. เหมือนรำคาญเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังอิ่มเอมใจอย่างช้าๆ …
จนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ทุกครั้งพอเด็กคนนี้ทำดีด้วย หัวใจของเธอจะเกิดความกระสับกระส่าย..
“ซิลเวีย เธอดูเหนื่อยๆ นะ”
“ซิลเวีย ฉันได้ยินว่าเธอมีปัญหาเหรอ”
“อย่ามาตลกนะ ซิลเวียเธอคือคนสำคัญของฉันเหมือนกัน”
คำพูดที่เด็กคนนี้พูดออกมา.. มันทำให้หัวใจเธอเต้นระรัว.. ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หัวใจของเธอถูกเติมเต็มจากในตอนแรกที่เป็นเหมือนตัวเกะกะสำหรับเลทิเซีย
แต่ตอนนี้กลายเป็นคนสำคัญ… ความปลื้มปีติมันอัดอั้นอยู่ในอก.. แต่แล้วจดหมายอันหนึ่งก็ลอยมาจากฟากฟ้าถึงมือเธอ…
“รีบกลับขึ้นมาบนสวรรค์”
นั่นคือสิ่งที่ทำให้ความพยายามตลอดสิบกว่าปีเหมอนจะจางหาย… จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอช้าๆ
“ซิลเวีย เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้”
เลทิเซียที่เดินอยู่ข้างๆ ก็กล่าวถามด้วยความสงสัย ซิลเวียก็ได้สติกลับคืนมา เธอเช็ดน้ำตาพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงสะอึก
“ปะ.. เปล่าหรอก แค่ฝุ่นเข้าตานิดหน่อยน่ะ”
“….”
เลทิเซียมองอีกฝ่ายเงียบๆ ..ก่อนที่จะกำฝ่ามือของเธอแน่นขึ้น เลทิเซียจับมือซิลเวียลากไปยังแผงลอยเล็กพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ขณะเดิน
มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยินราวกับโลกทั้งใบเหลือแค่พวกเขาสองคน เสียงที่แม้จะเบากลับไร้ซึ่งเสียงรบกวนภายนอก..
“อย่าเศร้าไปเลย.. ถึงเธอจะกลับไปที่นั่น.. แต่ถ้าเธอไม่ยอมกลับมาสักที ฉันจะไปลากคอเธอกลับมาอยู่กับฉันเอง เหมือนตอนที่ทำกับชาร์ล็อตไงล่ะ”
ซิลเวียที่ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหัวเราะเบาๆ
“มีแค่เรื่องเอาแต่ใจตัวเองนี่แหละ ที่เจ้าไม่เปลี่ยนไปน่ะ”
“แน่นอน.. ถ้าหากเธอหิวตอนกลางคืนขึ้นมาอีกถ้าไม่มีฉัน ก็กลัวว่าเธอจะอดอาหารน่ะสิ”
MANGA DISCUSSION