กลัวผีจะตาย..แล้วไหงถึงได้กลายเป็นผู้อัญเชิญวิญญาณ.. - ตอนที่ 18
ตนที่ 18 อัศวิน..
“ฟู้ว..!!!~ เสร็จสักที..×2″ผมและชบาที่พ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเอาแผ่นหลังพิงเข้าหากัน หลังจากที่เราสองคนร่วมพลังกันทำความสะอาดบ้าน จนทำให้บ้านหลังนี้เหมือนกลับมามีชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง..
“กินข้าว อาบน้ำ..นอนกันเถอะ..~”ผมที่พูดกับชบาด้วยความอ่อนล้า..
“เห็นด้วย..~”ชบาที่ตอบกลับ ก่อนที่เราทั้งสองจะค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน และจัดการเตรียมอาหารใส่จาน อ่อ..แวะซื้อมาในตอนที่กำลังหาที่พัก..พอหลังจากที่เรากินอะไรกันเสร็จ ผมก็เข้าไปอาบน้ำและมุ่งตรงเข้าไปรอชบาที่ห้องนอน..
ภายในห้องนอนนี้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาซ้ายมือมุมสุดของห้องจะพบเข้ากับเตียงนอนขนาดกลางที่นอนได้สองคน ข้างๆเตียงจะมีโต๊ะวางของเล็กๆเอาไว้สำหรับวางตะเกียงไฟ ส่วนผนังปลายเตียงจะมีหน้าต่างบานพับอยู่สองบานด้วยกัน ซึ่งผมก็เปิดรับลมเอาไว้..
ฟุบ..~
ผมที่ทิ้งตัวลงนอน ในเวลานี้ผมสวมใส่กางเกงผ้ายืดสีขาวเพียงแค่ตัวเดียว.
‘หน้าต่างสเตตัสผู้อัญเชิญ..’
ติ๊ง..~
[ข้อมูลสเตตัสของผู้อัญเชิญ..]
ชื่อ:หมื่นกรินณ์ คชสาร (ช้าง)
เผ่าพันธุ์:มนุษย์ อายุ-19 ปี
อาชีพ:ผู้อัญเชิญจิตวิญญาณอัญเชิญประเภทวิญญาณ (หมอผี)
สกิล:ไสยศาสตร์ทุกแขนง,คาถาอาคมต่างๆ,มนต์ดำ,ฯลฯ
ข้อมูล:สามารถใช้สกิลได้ตามที่ต้องการ แต่ถ้าใช้เกินขอบเขตจะทำให้หมดสติลง..
จิตวิญญาณอัญเชิญ- 1 ตน..
เงื่อนไขในการปลดล็อคจิตวิญญาณอัญเชิญ:เป็นความลับ ความสำเร็จ 1/2
[อักขระพลัง (ยันต์)]
1.พญาเอราวัญ..
ข้อมูล:ระเบิดพลังพญาเอราวัญ เพิ่มพละกำลังมหาศาล (ประมาณ 10 เท่าจากปกติ) ป้องกันการโจมตีในระดับกลาง สามารถออกคำสั่งควบคุมสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอ่อนแอกว่าได้อย่างอิสระ ผลของสกิลไม่มีกำหนดจนกว่าจะปิดใช้งาน..
สกิลการโจมตีพิเศษ:[ชื่อ:คชสารสะท้านปฐพี..]
ข้อมูล-เพิ่มพละกำลังจาก 10 เป็น 100 เท่า ภายในการโจมตีจำนวน 30 ครั้ง (สามารถใช้ติดต่อกันได้แค่ 2 ครั้งต่อวัน..)
หมายเหตุ:เมื่อปิดใช้งานสกิล จะไม่สามารถขยับตัวได้เป็นเวลา 1 นาที
[คุณยังมีอีก 14 ยันต์ที่ยังไม่ได้ปลดล็อค]
“หืม..?”ผมที่ส่งเสียงหึมอยู่ภายในลำคอด้วยความแปลกใจ เพราะข้อมูลปลดล็อคจิตวิญญาณอัญเชิญมันเปลี่ยนไป มันใกล้ที่จะสำเร็จแล้ว และดูเหมือนมันจะต้องทำตามเงื่อนไขอะไรสักอย่างอีกครั้ง จึงจะสามารถปลดล็อคจิตวิญญาณตัวที่สองได้..
“ไอ้ตัวที่สอง มันจะเป็นตัวอะไรกันนะ..?”ผมที่สบถออกด้วยความสงสัย..ก่อนจะลองเปิดหน้าต่างสเตตัสของชบาดูบ้าง..
‘หน้าต่างสเตตัสจิตวิญญาณอัญเชิญ’
ติ๊ง..!!
[จิตวิญญาณอัญเชิญ]
ชื่อ:ชบา เผ่าพันธุ์:กระสือ อายุ 19 ปี
เลเวล:30 MaX
ประเภทการโจมตี:โจมตีสองระยะ (ระยะประชิด/ระยะไกล)
ธาตุ: ?
ระดับ ☆☆
เงื่อนไขการเลื่อนระดับดาว-เมื่อเลเวลครบตามจำนวนและตรงกับเงื่อนไข ใช้ไพ่จิตวิญญาณมอนเตอร์ระดับบอสธาตุอะไรก็ได้จำนวน 1 ใบ ในการเลื่อนระดับสู่ดาวต่อไป หรือใช้วิธีเลื่อนระดับดาวแบบพิเศษโดยการปลดล็อคเงื่อนไขที่เป็นความลับ..
[รูปแบบการโจมตีเฉพาะตัว]
《รูปแบบที่ 1 คมไส้มรณะ [Level.2]》
ข้อมูล:รูปแบบที่ 1 คมไส้มรณะ Level.2 สร้างวัตถุเหล็กกล้าลักษณะเหมือนเคียวที่มีความคมและความทนทานสูงเพื่อใช้ในการต่อสู้ โดยที่น้ำหนักของเคียวจะถูกปรับลดลงและสามารถเคลื่อนที่ได้คล้องขึ้น อีกทั้งจิตวิญญาณอัญเชิญยังสามารถขยับตัวได้ในระยะเวลาสั้นๆในขณะที่ทำการโจมตี
เอฟเฟคพิเศษของรูปแบบที่ 1:จำนวนไส้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เส้น
หมายเหตุ:รูปแบบนี้จะสามารถเพิ่มระดับได้สูงสุดถึง Level:10 รูปแบบนี้จะถูกอัพเลเวลขึ้นอีกครั้งก็ต่อเมื่อมีการเลื่อนระดับดาวหรือผ่านเงื่อนไขการปลดล็อคแบบพิเศษ ส่วนเอ็ฟเฟ็คพิเศษจะสามารถลดจำนวนของเคียวได้ตามความต้องการเพียงแค่สั่งการทางความคิด..
《รูปแบบที่ 2 พายุไส้สะบั้นโลกา》
ข้อมูล:รูปแบบที่ 2 พายุไส้สะบั้นโลกา สร้างพายุหมุนขนาดเล็กเป็นเวลา 30 วินาที โดยการบังคับไส้ทั้งสอง จัดรูปแบบให้มีลักษณะคล้ายกังหัน ต่อจากนั้นก็ทำการหมุนเหวี่ยงมันด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็นใบพัด ผลลัพธ์ที่ได้จะก่อให้เกิดการหมุนวนของอากาศ และสร้างลมพายุที่มีแรงดึงดูดอันมหาศาล เป้าหมายที่ถูกดูดเข้ามาจะถูกคมเคียวที่กำลังหมุนเหวี่ยงเฉือดเฉือน แต่จิตวิญญาณอัญเชิญจะสูญเสียการควบคุมและไม่สามารถขยับตัวได้ จนกว่าที่ผลของรูปแบบนี้จะสิ้นสุดลง
เอฟเฟคพิเศษของรูปแบบที่ 2 :ทันทีที่จิตวิญญาณอัญเชิญใช้รูปแบบที่ 2 การโจมตีของรูปแบบนี้จะพุ่งทะลุผ่านตัวของผู้อัญเชิญ จนกว่าที่ผลของรูปแบบนี้จะสิ้นสุดลง
หมายเหตุ:รูปแบบนี้จะสามารถเพิ่มระดับได้สูงสุดถึง Level:3 รูปแบบนี้จะถูกอัพเลเวลขึ้นอีกครั้งก็ต่อเมื่อมีการเลื่อนระดับดาวของจิตวิญญาณอัญเชิญไปถึงดาวระดับที่ 5
“เห๋..? ถ้าจำไม่ผิด..ชบาพึ่งจะเลเวล 22 เองนิ ทำไมจู่ๆเลเวลถึงตันได้กันล่ะ..”ผมที่พูดขึ้นด้วยความแปลกใจ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ชบาจะเปิดประตูเดินเข้ามาภายในห้อง หลังจากที่พึ่งจะอาบน้ำเสร็จ..
“ชบาทำไมเลเวลของเธอถึงได้เพิ่มขึ้นกันล่ะ..?”
“เลเวล..?”ชบาที่ทำหน้าสงสัย ในขณะที่เธอกำลังใช้ผ้าเช็ดผมที่เปียกอยู่
“จริงสิ..ยังไม่ได้บอกเธอเลยสินะ..”ผมที่พึ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้ เพราะยังไม่ได้บอกชบาเกี่ยวกับเรื่องหน้าต่างสเตตัส..
“เธอลองหลับตาลงและพูดคำว่าหน้าต่างสเตตัสดูสิ..”ผมที่บอกชบา หลังจากนั้นเธอก็เริ่มที่จะทดลองทำตามคำแนะนำของผม
‘หน้าต่างสเตตัส..’
ติ๊ง..~
“เอ๊ะ..มีข้อมูลอะไรไม่รู้เด้งขึ้นมาด้วย..”ชบาที่พูดอย่างอึ้งๆ ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียง..ผมจึงเริ่มที่จะอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหมดให้เธอฟัง..
5 นาทีต่อมา..
“เข้าใจแล้ว..ถ้าเลเวลขึ้นคำว่า Max ฉันก็แค่กลืนกินการ์ดบอสตามเงื่อนไข ต่อจากนั้นระดับดาวก็จะเพิ่มขึ้นสินะ..”
“ถูกต้อง..ว่าแต่..ก่อนหน้านี้ล่าสุดเธอกลืนกินไพ่อะไรไป..?”ผมที่ถามชบา..
“อ่อ..กินของเจ้ากบที่นายกำจัดไปนั้นแหละ..ขอโทษที ลืมบอกไป..”
“หืม..? อย่างงั้นเองสินะ..”ผมที่เริ่มจะเข้าใจได้..เพราะไอ้กบตัวนั้นก็เป็นจิตวิญญาณอัญเชิญระดับ 2 ดาว ถ้าให้เดามันก็น่าที่จะกลืนกินไพ่จิตวิญญาณไปเยอะอยู่พอสมควร จึงทำให้ชบาเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด..
“ถ้างั้น..คืนนี้เรานอนกันก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยไปหาภารกิจทำกัน..”ผมที่พูดกับชบา ซึ่งเธอก็พยักหน้า ก่อนจะค่อยๆเอนตัวลงนอนข้างๆผม..
“ชบา..~”
“หืม..?”ชบาที่พลิกตัวหันหน้ามาหาผม ในเวลานี้เราสองคนกำลังนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน..
“ขะ..ขอ..ขอ..”ผมที่พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆหน้าแดงก่ำ ซึ่งอีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้ถึงความต้องการ จึงค่อยๆหลับตาลง ใบหน้าของเธอนั้นก็แดงไม่ต่างอะไรกับผม..
ผมที่เห็นเช่นนั้น จึงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปขึ้นคร่อมร่างของชบา ก่อนจะค่อยๆก้มใบหน้าลงไปประทับริมฝีปาก..
“อื้อ..~”เสียงครางที่ดังอยู่ภายในลำคอของร่างที่กำลังนอนตัวเกร็งอยู่ภายใต้ร่างของผม ริมฝีปากของเราทั้งสองกำลังผสานกันอย่างดูดดื่ม ผมเริ่มที่จะบดยี้ริมฝีปากลงไป อีกทั้งยังสอดแทรกลิ้นเข้าไปพัวพัน..ซึ่งชบาก็เป็นผู้ตามที่ดี และดูเหมือนเธอจะพยายามตอบสนองความต้องการของผม โดยไม่คิดที่จะปฏิเสธ..
ทันทีที่ผมถอนริมฝีปากออกมา มันก็ปรากฏเป็นหยาดน้ำลายที่ยืดเชื่อมระหว่างริมฝีปากของเราทั้งสอง..
“มะ..มันเป็น คะ..ครั้งแรกขอ..”
“ฝันดีนะ..จุ๊บ..~”
ชบาที่ดูเหมือนจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ผมกลับพูดตัดบทและก้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่กลางหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆเอนตัวกลับลงไปนอน..
“ฝะ..ฝัน ดะ..ดี..”เสียงตอบกลับอย่างระรัวของชบา แค่มองก็รู้แล้วว่าเธอกำลังตื่นเต้นและประหม่า คงจะเป็นเพราะว่าเธอคิดไปเองว่าคืนนี้ผมจะต้องทำเรื่องอย่างว่าแน่ๆ เธอเลยเตรียมใจอยู่นาน แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น..
ฟุบ..
ผมที่พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้กับชบา มันเป็นท่าประจำที่จะทำให้ผมนอนหลับได้อย่างสบาย และในขณะนั้นผมก็สัมผัสได้ถึงร่างที่อยู่ทางข้างหลังรุกเข้ามาสวมกอดผมเอาไว้อย่างแนบแน่น..
“ฉันรักนายนะ..ช้าง~”
“ฉันก็รักเธอ..ชบา..”
ผมที่ตอบกลับชบาไป ก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทรา เธอคือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ทำให้หัวใจของผมนั้นหวั่นไหว ถึงมันจะเป็นเวลาเพียงแค่ไม่นาน แต่ในทุกๆวันพวกเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคน ไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนๆเราก็เคยไม่ปล่อยมือกัน มันก็คงไม่แปลกที่จะพูดคำๆนั้นออกมาได้อย่างเต็มปาก..
ติ๊ง..!!!~
[เงื่อนไขในการปลดล็อคจิตวิญญาณตนที่ 2 :ช่วงชิงริมฝีปากของจิตวิญญาณอัญเชิญชบา 2/2 ] เสร็จสิ้น..
เตรียมการปลดล็อคจิตวิญญาณตนที่ 2 นับถอยหลัง อีก 2 วัน 15 ชั่วโมง 59 นาที จิตวิญญาณตัวที่ 2 จึงจะตื่นขึ้น..
เสียงของระบบที่ดังก้องอยู่ภายในหัวของช้าง แต่ทว่าชายหนุ่มกลับเข้าสู่ห้วงนิทรา จึงไม่ได้รับรู้เลยว่าจิตวิญญาณตนที่ 2 ของเขาได้ถูกปลดผนึกออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..
[เช้าวันรุ่งขึ้น]
ณ องกรณ์จิตวิญญาณลงทัณฑ์อสูร [สาขาหลัก]
“โครตอลัง..!!!!!”ผมที่เผลอตะโกนแหกปากเสียงดันลั่น จึงทำให้คนรอบข้างหันมามองผมเป็นสายตาเดียวหัน..
“พวกบ้านนอก”
“ดูเสื้อผ้าที่มันใส่สิ..แปลกประหลาดชะมัด..”
“อย่าบอกนะ..ไอ้คนแบบนี้ตั้งใจจะมาสมัครเป็นอัศวิน..?”
เสียงซุบซิบนินทาต่างๆนานาจากกลุ่มคนรอบข้าง หลังจากที่ผมได้เผลอตะโกนออกไปจนกลายเป็นจุดสนใจ..แต่ใครมันจะไม่ตกตะลึงกันบ้างล่ะ เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าของผมในเวลานี้คือปราสาทขนาดใหญ่อันแสนอลังการ..
การจะขึ้นไปยังปราสาทนั้นได้..จำเป็นจะต้องเดินขึ้นบันไดขนาดใหญ่ที่ทอดยาวไปไกลกว่าหลายร้อยขั้น อีกทั้งยังมีผู้คนมากมายที่กำลังเดินสวนทางกันขึ้นลงบันไดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก..
‘ถึงไหนแล้ว..ฉันขอนอนอีกสักหน่อย ยังไงก็ปลุกละกัน..?’ชบาที่พูดกับผม ในเวลานี้เธอกำลังอยู่ภายในร่างกายของผม เพราะผมไม่อยากให้มันเป็นที่สะดุดตา..อ่อ และผมก็ได้มารู้ที่หลังว่าภายในร่างกายของผมที่ชบาอยู่นั้น มันไม่ได้มืดสนิทอย่างที่ชบาเคยบอก แต่ความจริงแล้วข้างในนั้น..มันเป็นสถานที่กว้างๆที่มีแสงสว่างอีกทั้งยังทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหู ผมจึงเลยตั้งชื่อให้มันว่ามิติแห่งแสง..
“ถึงที่หมายแล้ว..กำลังจะเดินขึ้นไปรับภารกิจ นอนรอไปก่อนก็ได้..”ผมที่พูดกับชบา..ก่อนจะเดินขึ้นบันไดข้างหน้าไป..มุ่งตรงยังปราสาทเพื่อต้องการที่จะไปรับภารกิจมาทำ..
10 นาทีต่อมา..
หลังจากที่เดินจนเริ่มเมื่อยขา ในที่สุดผมก็สามารถขึ้นมาถึงปราสาทได้จนสำเร็จ ข้างบนสุดของบันไดขั้นสุดท้ายปรากฏให้เห็นประตูทางเข้าขนาดใหญ่ หน้าประตูมีคนคอยเฝ้าระวังอยู่เพียงแค่สองคน
โดยที่คนทั้งสองนั้นสวมใส่ชุดผ้าคลุมสีดำทมิฬ ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นชุดผ้าคลุมแบบเดียวกันกับที่คุณลากอสใส่ แต่ตราสัญลักษณบนอกซ้ายนั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน..
ผมที่ไม่รอช้า เดินเข้าไปภายในปราสาทและทันทีที่เดินผ่านพ้นเข้ามา ข้างในจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีผู้คนจำนวนมากเดินสวนทางกันไปมา อีกทั้งในห้องโถงแห่งนี้ยังมีช่องทางที่เชื่อมไปสู่อีกห้องนึ่งกว่าหลายสิบช่องทางด้วยกัน..
“เอ๋..~ แล้วภารกิจจะต้องไปรับตรงไหนกันนะ..?”ผมที่หันซ้ายมองขวาด้วยความสงสัย ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับช่องทางที่สามทางฝั่งซ้ายมือ ช่องทางนั้นมีผู้คนจำนวนมากที่กำลังยืนต่อแถวเรียงคิวเหมือนกำลังรอคอยอะไรกันอยู่..มันจะต้องเป็นที่ๆมีเอาไว้สำหรับรับภารกิจไปทำแน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงดิ่งตรงเข้าไปต่อแถวรอคิวอย่างไม่รอช้า..
30 นาทีผ่านไป..
แถวที่ยาวเหยียดบัดนี้ค่อยๆเริ่มที่จะเขยิบสั้นลงเรื่อยๆ มันจึงทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่อยู่อีกฝากนึ่งของช่องที่ผมกำลังต่อแถวอยู่ได้อย่างชัดเจน ซึ่งตรงบริเวณด้านหน้าสุดของแถว มีผู้หญิงคนนึ่งกำลังนั่งเขียนอะไรสักอย่างอยู่บนโต๊ะ พอเธอคนนั้นเขียนเสร็จก็ชี้นิ้วสั่งให้คนที่อยู่ปลายสุดของแถวเดินไปที่ไหนสักแห่ง..
ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวง ไม่แปลกที่จะมีผู้มากมายหลั่งไหลกันเข้ามา การรับภารกิจก็จำเป็นจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน มีการจัดระเบียบและต่อแถวรอเรียกตามคิว..จนกระทั่งมาถึงคิวของผม..
“ชื่อ..?”หญิงสาวที่นั่งอยู่บนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมาถามชื่อของผม เธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าคมสวย..สัดส่วนร่างกายก็ถือว่าโอเค..
“หมื่นกรินณ์ คชสาร ครับ..”
“คชสาร..? ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อตระกูลนี้เลย..”หญิงสาวที่สบถออกมา พลางเขียนชื่อของผมลงไปบนใบกระดาษ ตะ..แต่เดี๋ยวนะ หัวข้อในใบสมัครที่เธอกำลังเขียน มันเขียนว่า [ผู้สมัครเป็นอัศวิน]
“โชคดีจริงๆ นายเป็นคนสุดท้ายของวันนี้พอดี..ส่วนไอ้พวกที่เหลือไสหัวกลับบ้านไปซะ อีก 2 วันค่อยมาสมัครใหม่..!!!!”หญิงสาวตรงหน้าที่พูดกับผม ก่อนที่เธอจะชะโงกหัวออกไปตะโกนบอกคนที่กำลังต่อแถวถัดจากผมไป…
“อะไรว้า..~ รับแค่ 50 คนเองหรอ..?”
“โถ่..เห็นว่าเป็นรอบเปิดรับสมัครแบบพิเศษ ก่อนจะถึงวันจริงก็เลยรีบมา..”
กลุ่มคนที่ยืนต่อแถวอยู่ทางด้านหลัง ต่างสบถบ่นออกมาอย่างเซงๆเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่เขาเหล่านั้นจะแตกแถวและแยกย้ายกันออกไปทางใครทางมัน..
“เดินไปทางนั้น..”หญิงสาวตรงหน้าที่พูดกับผม ก่อนจะชี้นิ้วไปทางขวามือ พอผมหันไปมองตามนิ้วของเธอ ก็พบว่าตรงบริเวณนั้นมันจะมีอุโมงที่ทอดยาวออกไปไกล เห็นเพียงแค่แสงสว่างจากปลายอุโมงเท่านั้น..
“ดะ..เดี๋ยวก่อน..คะ..คือว่า..”ผมที่พยายามจะรวบรวมคำพูด และคิดที่จะบอกคนตรงหน้าว่าผมแค่เข้าใจผิด..
“อะไร..เกิดปอดแหกขึ้นมาหรือยังไงกัน..?”
“ปะ..เปล่าครับ จะ..จริงๆแล้ว ผมแค่จะมารับภารกิจไปทำ แล้วนึกว่าแถวที่คนกำลังต่อกันอยู่คือมีเอาไว้สำหรับรอรับภารกิจไปทำ..”สิ้นคำพูดของผม หญิงสาวตรงหน้าก็สตั๊นไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ ๆ ๆ งั้นหรอๆ ซะ..ซื่อบื้อชะมัด..”
อ้าว..!!!!!!! เดี๋ยวเธอจะโดนไม่ใช่แค่ที่เดียว..
“เดินกลับออกไป..ช่องที่ 5 ฝั่งขวามือ ตรงนั้นจะมีเคาเตอร์และพนักงานขององค์กรคอยต้อนรับอยู่..”หญิงสาวที่พูดแนะนำเส้นทางให้ผม ในระหว่างที่เธอกำลังเคลียร์เอกสารกองโตบนโต๊ะ..
“ขอบคุณครับ..”ผมที่โค้งตัวลงเล็กน้อยให้คนตรงหน้า ก่อนจะหันหลังกลับและเดินไปยังเส้นทางที่เธอแนะนำมา..
“เฮ้อ..~ 49 คน ไม่มีใครเลยสักคนที่ผ่านการคัดเลือก ทั้งๆที่ถ้าสอบผ่านจะได้สิทธิพิเศษ แถมยังได้เงินตั้ง 10 เหรียญทองแหนะ..”
กึก..
เสียงถอนหายใจและคำสบถบ่นของหญิงสาวที่ดังอยู่ทางด้านหลังของผม ถึงกับทำให้ร่างของข้าพเจ้าหยุดชะงักลง ผสานกับดวงตาที่พลันต้องเบิกกว้างขึ้น..
“เดี๋ยวนะครับ เมื่อกี้คุณบอกว่าถ้าผ่านการคัดเลือกจะได้เงินเท่าไหร่นะครับ..?”ผมที่หันหลังกลับเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่หน้าโต๊ะของเธอคนนั้น ก่อนจะถามด้วยความร้อนรน..
“10 เหรียญทอง..อะไรกันสนใจเงินล่ะสิท่า..ขอเตือนก่อนเลย ถ้าไม่ได้ฝึกฝนร่างกายมาก่อน อย่าแม้แต่จะคิด..ถ้าเกิดตายขึ้นมาองค์กรของเราไม่จ่ายข้าทำศพให้หรอกนะ..”หญิงสาวที่พูดกับผมเชิงข่มขู่ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด เพราะถ้าเพื่อเงินจำนวน 10 เหรียญทอง ให้ไปบุกน้ำลุยไฟหรือทำอะไรผมก็ยอม..
“ผมอยากจะสอบคัดเลือกครับ..!!”
“นอกจากนายจะซื่อบื้อแล้ว ยังโง่ด้วยสินะ เฮ้อ..ตามฉันมา..”หญิงสาวที่พูดกับผม ก่อนที่เธอจะค่อยๆชันตัวลุกออกจากโต๊ะ และเดินนำหน้าของผมเข้าไปภายในอุโมง..
ระหว่างทางที่กำลังเดิน ผมนั้นก็พยายามจะชวนเธอคุย อีกทั้งยังถามเกี่ยวกับเรื่องของอัศวิน แต่เธอกลับบอกมาว่าเอาไว้ให้ผมผ่านการคัดเลือกให้ได้ก่อน เดี๋ยวก็จะรู้เอง..
“ถ้างั้นคุณชื่ออะไรครับ..?”
“จะรู้ไปทำไม เดี๋ยวนายก็ตายแล้ว..ฮ่าๆ ๆ ”
“อย่างงั้นหรอครับ..ถ้างั้นช่วยบอกผมหน่อยสิ ผมจะได้ตายตาหลับ..”ผมที่พูดหญิงสาว พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ เมื่อเธอได้เห็นรอยยิ้มของผม เธอก็ผงะไปชั่วขณะ..
“ฉัน..ชื่อ ฟาน..เป็นอัศวินขั้นที่ 2..”หญิงสาวที่กล่าวแนะนำตัว เป็นผลจากการที่เธอถูกสะกดโดยสาริกา ถึงมันจะแค่ชั่วขณะก็ตาม
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ..”ผมที่ตอบกลับฟาน เป็นเวลาเดียวกันกับที่เราสองคนจะเดินมาสุดปลายอุโมง..
“สะ..สนามประลอง..?”
ทันทีที่เดินผ่านพ้นออกมาจากอุโมง มันก็เผยให้เห็นสนามประลองขนาดใหญ่ ถูกล้อมรอบไปด้วยที่นั่งคนดูกว่าหลายพันที่นั่ง แต่ข้างบนนั้นกลับมีคนที่นั่งดูอยู่เพียงแค่ 2 คน โดยที่ลักษณะของลานที่ใช้ในการต่อสู้จะเป็นในลักษณะทรงกลม มีขนาดที่กว้างอยู่พอสมควร พื้นของสนามจะถูกปูด้วยหินทราย..
“มิโนทัส..ยังเหลืออีกคนนึ่ง..”ฟานที่พูดกับใครบางคน เรียกสติของผมที่กำลังเงยหน้าหันมองไปรอบๆด้วยความตื่นตาตื่นใจให้คืนกลับมา
และเมื่อผมเบนหน้ากลับลงมา สิ่งที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้าของผมในเวลานี้ก็คือร่างของชายผู้นึ่ง ชายคนนั้นมีร่างกายที่กำยำเป็นอย่างมาก เขากำลังยืนตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางของลานประลอง ท่ามกลางร่างอันไร้สติของคนจำนวนมาก..
“อ้าว..ยังเหลืออยู่อีกหรอ..?”ชายที่ชื่อมิโนทัสหันหน้ากลับมาพูด เขาเป็นคนที่มีใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนา..
“เห๋..? เจ้าเปี๊ยกเนี่ยนะ…”มิโนทัสที่มองมาทางผม ก่อนจะเดินลูบคางตรงเข้ามาใกล้ ขอบอกก่อนเลยไอ้พวกที่ชอบล้อเรื่องส่วนสูงของผม ชะตาชีวิตจบลงไม่สวยสักราย..
ฟุบๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
และทันใดนั้น จู่ๆก็มีคนจำนวนนึ่งที่วิ่งเข้ามาภายในสนามประลองแห่งนี้ พร้อมกับถือเปลสนามติดตัวมาด้วย ก่อนที่คนเหล่านั้นจะจัดการนำร่างที่หมดสติรอบบริเวณใส่เปลและแบกออกจากสนามประลองแห่งนี้ไปอย่างรวดเร็ว…
“เห่..เจ้าหนู เปลี่ยนใจกลับบ้านไปนอนตอนนี้ยังทันนะ..เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก..”มิโนทัสที่พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง..เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของผม ในระยะห่างประมาณ 15 เมตรเห็นจะได้..
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอกครับ ยิ่งตัวใหญ่ๆแบบคุณเวลาล้มทีนี่ล้มดังนะครับ..”ผมที่พูดกับคนตรงหน้าพร้อมกับแสยะยิ้ม..
“เห๋..?”สีหน้าที่สบายๆของมิโนทัส พลันต้องเปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึม หลังจากที่ได้ยินคำพูดของผม..
“ความกล้าหาญเป็นสิ่งที่อัศวินนั้นพึงมี..แต่ก็ควรจะมีมันให้มากกว่าความโง่เขลา..”เสียงของชายผู้นึ่งที่ดังมาจากบนที่นั่งคนดู เมื่อผมหันไปก็พบเข้ากับชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่
ลักษณะของเขาเป็นชายวัยกลางคน ผมสีแดงเพลิง..หน้าตาดุดัน สวมใส่ชุดผ้าคลุมสีแดงที่มีตราประทับบนอกซ้ายเป็นรูปเปลวเพลิง เพียงแค่มองดูเผินก็รู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั่นจะต้องแอบแฝงไปด้วยร่ายกายที่กำยำอย่างแน่นอน..
“แต่ฉันว่าเจ้าหนูนี่ก็น่าสนใจไม่เบานะ..”ชายหนุ่มอีกคนที่พูดขึ้น เขาคนนั้นนั่งอยู่ข้างๆกับชายคนแรก เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหล่า แถมบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มที่ฉีกออกมาอยู่ตลอดเวลา ชุดที่เขาสวมใส่เป็นชุดผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้ม ส่วนตราประทับบนอกซ้ายจะเป็นรูปก้อนเมฆ..
“ทะ..ท่าน หะ..หัวหน้าหน่วยจิตวิญญาณเพลิงโลกัณ..จีอัส..!!! ละ..แล้วก็ท่านหัวหน้าหน่วยจิตวิญญาณเมฆาแห่งสายลม..เซนฟรอน..”
ตุบ..!!!
ฟานที่ทรุดตัวชันเข่าลงข้างนึ่งและนำแขนมาวางพาดเอาไว้บนเข่า ก่อนจะก้มหัวทำความเคารพต่อบุคคลทั้งสอง..
“เป็นเกียรติอย่างสูงสุดที่ได้พบกับท่านหัวหน้าหน่วยทั้งสอง..!!!”ฟานที่เปล่งเสียงพูดออกมา อย่างชัดถ้อยชัดคำ..
“หืม..? ดูเหมือนว่าหัวหน้าหน่วยจิตวิญญาณบุพผาไร้เงาของเจ้าจะสอนมาดีนิ อัศวินขั้นที่ 2 เอิ่ม…”เซนฟรอนที่พูดกับฟาน..
“ดิฉันชื่อฟานเจ้าค่ะ..!!!”
“งั้นหรอ..จะจำชื่อเอาไว้ ลุกขึ้นเถอะ..”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ..!!!”
ฟุบ..!!!
ฟานที่ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินมุ่งหน้าออกไปยังขอบของลานประลอง..
“เอาเถอะ..มิโนทัส รีบๆจัดการให้เสร็จ..จะได้กลับหน่วยกัน..”จีอัสที่ออกคำสั่งกับมิโนทัส..
“รับทราบ..!!”มิโนทัสที่ขานรับเสียงดัง..
“ปีนี้มีแต่พวกไร้ความสามารถกันทั้งนั้น..อัศวินที่คิดจะพึ่งแต่พลังของจิตวิญญาณอัญเชิญ ฉันเห็นตายในการต่อสู้กันมานักต่อนักแล้ว..”จีอัสที่สบถบ่นออกมาให้เซนฟรอนฟัง..
“ก็จริง..ถึงต่อให้จิตวิญญาณอัญเชิญจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่ถ้าผู้อัญเชิญตายทุกอย่างก็คือจบ..ถึงแม้จะใช้วิธีการเชื่อมจิตวิญญาณก็ตาม แต่อัศวินก็ควรที่จะต้องมีทักษะด้วย เพราะการเชื่อมจิตวิญญาณจะดึงมาได้เพียงแค่ความสามารถเฉพาะตัวของจิตวิญญาณอัญเชิญเพียงเท่านั้น..”เซนฟรอนที่พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะร่ายยาว..
“จะเริ่มกันหรือยังล่ะ..?”มิโนทัสที่เปิดประเด็นกล่าวถามผม..
“เริ่มเลยก็ได้ครับ..ถ้าอย่างงั้นผมจะเรียกจิตวิญญาณอัญเชิญออกมาเลยนะครับ..”ผมที่พูดกับมิโนทัส พร้อมกับกางฝ่ามือออกไปข้างหน้า
“ชบา..จงออกมา..หะ..หืม..?!!!”ผมที่เรียกชบาออกมา แต่ทว่าเธอกลับไม่ปรากฏตัวออกมา สถานะการณ์ในตอนนี้ มันเหมือนกับตอนที่อยู่ในโรงประมูลเปียโนไม่มีผิด..
“เฮ้อ..ไปดีกว่า เจ้านั่นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกที่คิดแต่จะพึ่งพาพลังของจิตวิญญาณอัญเชิญ..”จีอัสที่หัวเสียชันกายลุกขึ้นยืน..
“อ้าว..คนสุดท้ายแล้วแท้ๆน่าจะดูให้จบก่อน..ถ้างั้นฉันไปด้วย..”เซนฟรอนที่ชันตัวลุกขึ้นและเดินตามหลังของจีอัสไป..
“เจ้ากำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ การคัดเลือกอัศวินในครั้งนี้ คือการต่อสู้ระหว่างผู้อัญเชิญด้วยกัน..ไม่สามารถเรียกจิตวิญญาณอัญเชิญออกมาสู้ได้ ยกเว้นเสียแต่เจ้าจะใช้วิธีการเชื่อมจิตวิญญาณ..รู้แบบนี้แล้วยังจะกล้าปากดีอยู่อีกมั้ย..!?”นิโมทัสที่อธิบายให้ผมฟัง ก่อนจะจ้องมองมาทางผมด้วยสายตาที่แสดงออกถึงการดูถูกและเหยียดหยาม..
“เข้าใจแล้วครับ..”
“หื้ม..? รู้แล้วก็ยังคิดที่จะสู้งั้นหรอ..?”
“ใช่ครับ..”
“ฮ่าๆ ๆ ถ้างั้นไปเลือกอาวุธตรงนั้นมา..”มิโนทัสที่ระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะชี้ไปยังข้างสนามที่มีอาวุธต่างๆพิงเรียงรายวางเอาไว้อยู่..
“แล้วอาวุธของคุณล่ะ..?”ผมที่ถามด้วยความแปลกใจ เพราะเห็นว่ามิโนทัสไม่ได้ถืออาวุธ
“อย่างเจ้า..ไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องใช้ดาบสู้ด้วยหรอก อีกทั้งข้าจะต่อให้ด้วย ข้าจะไม่ใช่การเชื่อมจิตวิญญาณ..”
“ถ้าอย่างงั้น..ผมก็จะไม่ใช่อาวุธด้วยเหมือนกัน..”
“หืม..?×2”
คำพูดที่ผมได้พูดออกไป ผมไม่รู้เลยว่ามันจะส่งผลทำให้ร่างของจีอัสและเซนฟรอนที่กำลังจะเดินจากไปนั้น พลันต้องหยุดชะงักลง ก่อนที่ร่างทั้งสองจะพร้อมใจกันหันกลับมามองผมและค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ในระแวกนั้น..
“จะยอมเสียเวลาดูต่ออีกสักหน่อยล่ะกัน..”จีอัสที่พูดขึ้น บนใบหน้าที่ดุดันค่อยๆกระตุกรอยยิ้มออกมา..
“ไอ้เวรนี่..!!!!”มิโนทัสที่พูดขึ้นด้วยความโกรธ บนใบหน้าของเขาปรากฏเส้นเลือดที่ปูดบวมให้ได้เห็น..
“หึ..เจ้านั่นไม่ได้โง่ธรรมดา โครตโง่..คิดอะไรของมันอยู่กันนะ ถึงได้ไปยั่วโมโหมิโนทัส”ฟานที่กำลังยืนกอดอกเอาหลังพิงเข้ากับผนังของขอบสนามประลองพูดขึ้น..
“ขอเวลานอก ช่วยรอสักครู่..”ผมที่พูดกับคนตรงหน้า ก่อนจะวิ่งไปที่ขอบสนามและนำย่ามวางเอาไว้แถวๆนั้น พร้อมกับถอดเสื้อออก..
“นะ..นั่น มะ..มัน อะไรกัน..?”จีอัสที่สบถออกมาด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาเห็นว่าบนร่างกายของผมนั้นเต็มไปด้วยตัวอักษรและรูปภาพมากมาย..
“นั่นมันอะไรกันน่ะ..น่าขยะแขยงชะมัด..”ฟานที่สบถออกมา เมื่อเธอเห็นรอยสักบนตัวของผม..
“พร้อมแล้วครับ..”ผมที่วิ่งกลับเข้ามาหยุดประจันหน้ากับมิโนทัส..
“เข้ามาสิ..”มิโนทัสที่กวักมือเรียกเชื้อเชิญให้ผมเข้าไป..
“เรื่องอะไรล่ะ คุณก็เข้ามาเองสิ…”
“ได้..!!!!”
ฟุบ..!!!
มิโนทัสที่ดีดตัววิ่งตรงเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนั้นผมจึงค่อยๆย่อเข่าทั้งสองข้างลง ก่อนจะยกแขนขึ้นมาตั้งการ์ด..
“เข้ามาเลยไอ้เวร..!!!”ผมที่แผดเสียงตวาดออกไป พร้อมกับแสยะยิ้มร่า อ่อ..นอกจากผมนะเป็นหมอผีและเด็กเรียนดีระดับจังหวัดแล้ว ในอีกตัวนึงที่ผมไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่ นั่นก็คือ..[นักเลง]
“ย้าาาาาา!!!!!”
ทันทีที่มิโนทัสวิ่งเข้ามาประชิดถึงตัวของผม มันก็วาดขาแหวกอากาศเตะเข้ามาหมายจะโจมตี..
“เอราวัณ..!!!!”