กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 327 น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่มีความคิดก้าวหน้า
- Home
- กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี
- บทที่ 327 น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่มีความคิดก้าวหน้า
บทที่ 327 น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่มีความคิดก้าวหน้า
บทที่ 327 น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่มีความคิดก้าวหน้า
หลังจากที่เซี่ยชิงหยวนทำข้อตกลงกับป้าอู๋ เธอก็พาหลินตงซิ่วไปที่ตลาดสดหลังมื้อเช้า
ตอนนี้หลินตงซิ่วรู้จักถนนหนทางต่าง ๆ ตั้งแต่เขตที่พักอาศัยไปจนถึงตลาดสดและถนนคนเดิน รวมถึงจากถนนคนเดินไปจนถึงถนนหลินไห่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่กล้าออกไปข้างนอกด้วยตัวเองอยู่ดี
แต่เมื่อไหร่ที่ร้านบนถนนหลินไห่เปิดอย่างเป็นทางการ เซี่ยชิงหยวนจะไม่สามารถดูแลหลินตงซิ่วได้ตลอดอีกต่อไป ดังนั้นหญิงสาวจึงใช้โอกาสที่ยังว่างนี้พาแม่สามีเดินให้ชินมากกว่าเดิม
เซี่ยชิงหยวนไปหาเจ้าของร้านคนเดิมกับที่ซื้อเครื่องในวัวเมื่อครั้งที่แล้ว
เครื่องในวัวที่ซื้อไปครั้งล่าสุดนั้นพอนำไปปรุงและชิมแล้วมันรสชาติดีมาก วันนี้เซี่ยชิงหยวนจึงตัดสินใจจะคุยเรื่องราคา หากได้ราคาที่เหมาะสม เธอก็จะสั่งจากเขาอีกในครั้งต่อไป
ตอนนี้ราคาเนื้อวัวโดยทั่วไปอยู่ที่หนึ่งหยวนเจ็ดเหมา ในขณะที่เนื้อแกะมีราคาแพงกว่าอยู่ที่หนึ่งหยวนแปดเหมา
เนื่องจากเครื่องในวัวนั้นเอามาทำอาหารยากกว่าเครื่องในหมู เนื่องจากมันมีกลิ่นที่แรงกว่า ดังนั้นราคาจึงถูกกว่า
หลังจากการต่อรองอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเซี่ยชิงหยวนก็ได้เครื่องในวัวมาในราคาหนึ่งหยวนต่อสิบจิน แต่ขั้นต่ำในการซื้อแต่ละครั้งจะต้องมีอย่างน้อยสามสิบจิน
สำหรับเนื้ออกวัว ราคาขายปลีกสำหรับเซี่ยชิงหยวนอยู่ที่หนึ่งหยวนหกเหมา แต่ถ้าซื้อจำนวนมากจะอยู่ที่หนึ่งหยวนสี่เหมา
ส่วนกระดูกเนื้อวัวที่ขูดเนื้อออกทั้งหมดแล้วจะมีราคาอยู่ที่จินละสามเหมา
ต้องบอกว่าต้นทุนในการทำอาหารเนื้อสัตว์นั้นสูงกว่าเมนูผักมาก
วันนี้เซี่ยชิงหยวนไม่ได้ซื้อเครื่องในกลับบ้าน แต่ซื้อเนื้อวัวหนักสองจินแทน
เธออยากลองทำลูกชิ้นเนื้อดู
ถ้าวัตถุดิบสด ต่อให้ต้มในน้ำเปล่าเฉย ๆ ก็อร่อยมาก สุดท้ายโรยด้วยขึ้นฉ่ายหรือผักชีสับละเอียดหนึ่งกำมือ และส่วนผสมที่สำคัญที่สุดคือ กระเทียมเจียว เพียงเท่านั้นซุปลูกชิ้นเนื้อก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
ตอนที่เจ้าของร้านชั่งน้ำหนักเนื้อให้เซี่ยชิงหยวนก็มีชายชราคนหนึ่งเดินมาอยู่ข้าง ๆ เธอ
ชายชราพูดกับเจ้าของร้าน “เถ้าแก่ คุณเหลือตัวเดียวอันเดียวเอาไว้ให้ฉันบ้างหรือเปล่า?”
ชายชราดูเหมือนจะอายุหกสิบเศษแล้ว แต่เขาดูจะยังมีสุขภาพดีอยู่เลย
เจ้าของร้านยิ้มแล้วพูดว่า “ผมเก็บไว้ให้คุณอยู่แล้ว”
ขณะที่เจ้าของร้านพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบตัวเดียวอันเดียวที่ยาวที่สุดขึ้นมาบนเขียง ชั่งน้ำหนักแล้วใส่ลงในตะกร้าของชายชรา
ชายชรามองไปที่ตัวเดียวอันเดียววัวในตะกร้าอย่างพอใจมาก “ไว้อีกสองสามวันฉันจะมาใหม่นะ”
เจ้าของร้านพยักหน้าพลางยิ้มแย้ม “ตราบใดที่คุณต้องการก็แค่มาสั่งล่วงหน้าไว้ได้เลยครับ”
พอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกประหลาดใจก่อนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว
เธอยืนเฉยโดยไม่พูดอะไร และมอบเงินให้เจ้าของร้านอย่างเงียบ ๆ
ในทางกลับกัน หลินตงซิ่วตกตะลึง
เธอคิดกับตัวเองว่าชายชราแก่มากขนาดนี้แล้วยังจะต้องการกินสิ่งนี้อีกต่อไปเพื่ออะไร? หรือว่าเขาคงซื้อให้ลูกชายกินใช่ไหม?
เจ้าของร้านเดาความคิดของสองแม่สามีและสะใภ้ได้จากสีหน้าของพวกเธอ
เขาหัวเราะและพูดว่า “อย่าดูถูกตัวเดียวอันเดียวของวัวนี้เด็ดขาดเชียวนะ มันมีประโยชน์มาก นอกเหนือจากการบำรุงไตและเสริมสร้างหยางอย่างที่ทุกคนรู้แล้ว จริง ๆ แล้วมันยังมีผลในการทำให้ใบหน้าอ่อนวัยและเสริมเลือดลมในร่างด้วยนะครับ”
เขายกคางขึ้นไปทางหลินตงซิ่วแล้วกล่าวว่า “เมื่อคนแก่อายุมากขึ้น พวกเขามักจะปวดหลังและขาอ่อนแรง การดื่มซุปตัวเดียวอันเดียวจะได้ผลดีมาก ตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวอีกครั้งแล้ว ซึ่งเป็นเวลาดีที่จะกินอาหารเสริมแบบนี้นะครับ”
หลังจากฟังคำพูดของเจ้าของร้าน เซี่ยชิงหยวนก็นึกถึงหลินตงซิ่วทันที ที่พอฤดูหนาวมาถึงแม่สามีของเธอจะถูขาและเอว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าขากับเอวของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งปัญหานี้ต้องเกี่ยวข้องกับการที่ไม่ได้พักฟื้นหลังคลอดอย่างดีเมื่อในอดีตแน่
เซี่ยชิงหยวนชี้ไปที่ตัวเดียวอันเดียวที่ยังอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดว่า “เถ้าแก่คะ ฉันขอซื้ออันนี้ด้วยค่ะ”
เจ้าของร้านโบกมือ “อันนี้มีคนสั่งจองไว้แล้วน่ะ ที่ฉันวางไว้บนเขียงก็เพียงเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าที่ร้านฉันมีขายมันเท่านั้นแหละ ถ้าเธอต้องการมัน งั้นพรุ่งนี้ฉันจะเก็บอันที่ใหญ่ที่สุดไว้ให้อย่างดีเลย”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ขอบคุณค่ะเถ้าแก่”
ลูกสะใภ้ของเธออยากทำซุปให้ตัวเองดื่ม คิดแล้วหลินตงซิ่วก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
แต่ทันทีที่เธอพูดจบก็มีเสียงไออยู่ข้างหลัง
เสียงที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของเซี่ยชิงหยวนกระตุกวูบ
หญิงสาวหันกลับไปอย่างกระอักกระอ่วน และแน่นอนว่ามันคือฉีจิ่นจือที่กำลังไอแรงมากจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
เขาเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว และเมื่อไอ แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพูจาง ๆ และดวงตาที่สุกสว่างก็เปื้อนไปด้วยน้ำตาที่เล็ดออกมา ทำให้ดูเป็นประกายมากยิ่งขึ้น
เซี่ยชิงหยวน “…”
เธอไม่รู้ว่าเขาได้ยินมากแค่ไหน
ให้ตายสิ ขอให้เขาได้ฟังตั้งแต่ต้นด้วยเถอะ!
เธอจะไม่ว่าเลยถ้าเขาได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะความหมายเบื้องหลังการซื้อตัวเดียวอันเดียวให้แม่สามีและของผู้ชายของตัวเองนั้นแตกต่างกันมาก
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมา
เธอไม่มีความกล้าพอที่จะรอให้ฉีจิ่นจือไอจนเสร็จแล้วค่อยเดินเข้ามาตรวจสอบสิ่งที่เขาได้ยินหรอกนะ
เธอบอกตัวเองว่าในเมื่อไม่สนิทกับเขาอยู่แล้ว ก็จะไม่สนใจว่าเขาคิดอย่างไร ดังนั้นหญิงสาวจึงหันหน้ากลับไปพลางดึงหลินตงซิ่วเข้ามาใกล้อย่างเงียบ ๆ และส่งสัญญาณให้รีบออกไปพร้อมกัน
ในขณะเดียวกันนี้ เพื่อนร่วมงานที่อยู่กับฉีจิ่นจือพูดว่า “พี่ฉี นี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่เตะคุณวันนั้นเหรอ?”
คนที่อยู่ข้าง ๆ เขาอีกคนพูดว่า “ใช่ ดูเหมือนว่าจะเป็นเธอนะ”
เซี่ยชิงหยวนพูดไม่ออก “…”
ตอนนี้เซี่ยชิงหยวนไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินได้อีกแล้ว เธอหันกลับมาและยิ้มอย่างขอโทษที่ฉีจิ่นจือ “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ นะคะ”
ฉีจิ่นจือเพิ่งหยุดไอ เขาเอามือปิดปากพลางใส่ผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋ากางเกง ยืนตัวตรงและยกขนตาขึ้น มองไปที่เซี่ยชิงหยวนแล้วพยักหน้า “ใช่ครับ”
สายตาของเขาดูไร้อารมณ์มาก และการแสดงออกของเขาก็เฉยเมยเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนจ้องมองดวงตาเพื่อนร่วมงานของเขาที่อยู่ข้างหลัง และรอคำพูดต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นการเยาะเย้ยหรือการเสียดสี เธอก็จะยอมรับมันแต่โดยดี
แต่เขาดันหันกลับไป ชกไหล่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างหลังเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ นายไม่ได้บอกว่าอยากไปดื่มรึไง?”
จากนั้นเขาก็เดินผ่านเซี่ยชิงหยวน ไป
เมื่อคนที่เหลือเห็นสิ่งนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกและรีบตามไปเช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนมองไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่ม และด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอมองเห็นความเหงาในความเฉยเมยของเขา
ราวกับว่าเขาอยู่บนถนนที่พลุกพล่านที่สุด รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่เขาก็ยังอยู่อย่างโดดเดี่ยว
หลินตงซิ่วก็เข้ามาและพูดว่า “ชิงหยวน ชายหนุ่มคนนั้นคือคนที่เราพบที่นี่ในวันนั้นหรือเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนเรียกสติของเธอกลับคืนและพยักหน้า “เป็นเขาค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลินตงซิ่วก็ถอนหายใจ “น่าเสียดายนะ ชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้กลับไม่ยอมทำงานหนักเพื่อให้เจริญก้าวหน้า”
เซี่ยชิงหยวนมองดูหลินตงซิ่วด้วยความสับสน
หลินตงซิ่วพูดว่า “ก็พวกเขาบอกว่าจะไปดื่มนี่”
เธอลดเสียงลง “ยังหัววันอยู่เลย แถมพวกเขาสวมเครื่องแบบด้วย พวกเขาน่าจะทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอ? ลูกว่าไหมว่าถ้าพวกเขาถูกพบ พวกเขาจะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์แน่ ๆ”
เซี่ยชิงหยวนคิดกับตัวเอง ไม่เพียงแต่ฉีจิ่นจือจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น แต่ผลที่ตามมายังร้ายแรงยิ่งกว่านั้นอีกมากด้วย
แต่ไม่ว่าจะยังไง ฉีจิ่นจือก็ได้รับการสนับสนุนจากฉีหยวนซาน ดังนั้นสุดท้ายแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นะ
เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเสิ่นอี้โจวเคยเล่าให้เธอฟังว่า ลูกชายของฉีหยวนซานผู้มีเกียรติถูกมอบตำแหน่งให้มาดูแลความปลอดภัยของตลาดเนี่ยนะ?
ในเวลานั้น เธอคิดว่าฉีหยวนซานมีความคิดว่าอย่างน้อยลูกชายของตัวเองก็ควรได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นหัวหน้าคนสักหน่อย
แต่ในเวลานั้น เสิ่นอี้โจวพูดออกมาเพียงประโยคเดียว “ผมเกรงว่ามันจะเป็นความคิดของนายน้อยฉีคนนั้นเองมากกว่านะ”