กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 204 ในกล่องมียี่สิบชิ้นน่าจะพอ
บทที่ 204 ในกล่องมียี่สิบชิ้นน่าจะพอ
บทที่ 204 ในกล่องมียี่สิบชิ้นน่าจะพอ
ทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง และเสิ่นอี้โจวก็ฉวยโอกาสนี้ปิดประตูทันที
เซี่ยชิงหยวนมองไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเองเขาก็กอด พลางกดแผ่นหลังแนบกับประตูและมอบจุมพิตเธอ
เธอไม่กล้าดิ้นมากเพราะกลัวประตูจะส่งเสียงดัง
ด้านหลังของเซี่ยชิงหยวนเป็นประตู แขนแกร่งของเสิ่นอี้โจวโอบกอดเธอไว้ ทำให้เธอไม่มีช่องว่างให้หนีได้เลย
ตอนนี้ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นและรับจูบของเขา
โชคดีที่เขาจูบเธอเพียงครู่เดียวแล้วปล่อยไป
เซี่ยชิงหยวนสูดลมหายใจ และปล่อยให้เขาพาเธอไปที่โต๊ะข้างเตียง
เมื่อลิ้นชักเปิดออก กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีรูปร่างค่อนข้างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ
เธอคิดว่ามันเป็นซองบุหรี่
นิ้วเรียวของเสิ่นอี้โจวหนีบมันพลางหยิบมันออกมา
กล่องเล็ก ๆ ที่วางอยู่ในฝ่ามือของเขา
เซี่ยชิงหยวนเดาไม่ถูกเลยว่ามันคืออะไร
เสิ่นอี้โจวมองหน้าของเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากนั้นเขาพลิกกล่องกลับด้าน
คำว่า ‘ถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติ’ และ ‘แจกจ่ายโดยรัฐ’ ปรากฏอยู่บนหลังกล่อง
ทันใดนั้นดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เบิกกว้าง
เธอชี้ไปที่เสิ่นอี้โจวแล้วชี้ไปที่กล่อง “คุณ… ไอ้ของที่คุณบอกให้ศึกษาร่วมกันที่คุณพูดถึง…เป็นเรื่องล้อเล่นใช่ไหม!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของเสิ่นอี้โจวก็ยกขึ้น “ภรรยาของผม ไอ้ของสิ่งนี้มันมีชื่อเรียกนะ คุณเรียกมันห้วน ๆ แบบนี้ได้ยังไง”
ขณะที่เขาพูด เขาก็วางมันไว้ในมือของเธอ “เพิ่งได้มาใหม่วันนี้เลย มาลองกันไหม?”
เขาพูดอย่างจริงจัง “ผมลองเปิดมันดูแล้ว ในกล่องมียี่สิบชิ้น มันน่าจะพอสำหรับคืนนี้นะ”
เซี่ยชิงหยวนขว้างกล่องออกไปราวกับสัมผัสมันฝรั่งร้อน ๆ “ฉันไม่เอา!”
เธอเชื่อในคำพูดผี ๆ ของเขาได้ยังไงกัน!
เธอหลงคิดว่าเขามีความรู้อะไรใหม่ที่จะแบ่งปันกับเธอ!
เสิ่นอี้โจวคว้ากล่องแล้วจับมันไว้
เขาหัวเราะและพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรคุยกันเหรอ เรายังไม่เคยใช้มันเลยจริงไหม?”
ก่อนที่เซี่ยชิงหยวนจะมาที่เมืองเตียนเฉิง มีเวลาระหว่างพวกเขาเพียงไม่กี่ครั้ง
ในเวลานั้นสถาบันธรณีวิทยาจะส่งสิ่งนี้เป็นครั้งคราว แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ใช้มันมากนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับมัน
เซี่ยชิงหยวนต้องการที่จะเขวี้ยงมันออกไปอีกรอบ แต่เสิ่นอี้โจวชูมือขึ้นเพื่อยกหนีเธอ
เขายกกล่องขึ้นสูง “คุณไม่ต้องการมันมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดง “ฉันไม่ต้องการมัน! ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มัน ฉันทำอะไรกับมันได้ด้วยเหรอ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มในดวงตาของเสิ่นอี้โจวแทบจะเอ่อล้น “ก็จริง มันไม่ใช่สิ่งที่คุณใช้ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมต้องใช้เอง”
เสิ่นอี้โจวโอบอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา “ผมจะใช้มันเอง คุณไม่ต้องทำอะไรกับมัน ตกลงไหม?”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนได้ยินเช่นนี้ เธอเลยผลักเขาอีกครั้ง
แต่แขนของเสิ่นอี้โจวแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ามันแทบไม่กระดิก เธอจึงจ้องมองเขา “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เหมือนกัน!”
เสิ่นอี้โจวทำเพียงแค่จูบที่ปากของเธอ “ก็ได้ ๆ คุณชอบที่จะ‘สนิทสนม’กับผมที่สุดสินะ”
เซี่ยชิงหยวนปิดหูของเธอด้วยความละอายใจ พลางทุบตีเขาด้วยกำปั้น “เสิ่นอี้โจวทำไมฉันไม่รู้ว่าคุณลามกแบบนี้มาก่อนนะ”
เธอหน้าแดงมากจนเหมือนกับเลือดออก “ดูคำพูดของคุณสิ คุณกำลังพูดถึงอะไร!”
เขาจูบที่มุมตาและหว่างคิ้วของเธอก่อนจะพูดว่า “ก็ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณทั้งนั้นแหละ”
ในที่สุด เขาก็มอบจูบที่ริมฝีปากของเธอ “เมื่อพวกมันถูกส่งมาให้ผม ผมก็นึกถึงคุณทันทีเลย”
มือของเขาจับที่หลังศีรษะของเธอ “เมื่อผมนึกถึงคุณ ผมก็เริ่มไม่มีสมาธิทำงาน เอกสารในมือของผม ผมจ้องมันตั้งนานก็อ่านไม่จบสักที”
มือใหญ่ของเขาเคลื่อนผ่านเอวเรียวและมาถึงบั้นท้ายกลมกลึงของเธอ “ตอนนั้นผมคิดว่ามันจะดีมากเลยถ้าผมเลิกงานได้ทันที”
แม้ว่าคำพูดนี้จะดูเกินจริง แต่เขาก็เสียสมาธิในการทำงานเพราะสิ่งของในกล่องนั้นจริง ๆ
เซี่ยชิงหยวนถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเขาจนเธอไม่สามารถคิดอะไรได้อีก ตอนนี้ร่างกายของเธอก็อ่อนปวกเปียกตามการจูบมากมาย
เธอจำต้องเกาะแขนของเขา ปากอ้ากว้างพลางพูดว่า “เราไม่ต้องการมัน…”
เสิ่นอี้โจวขบเม้มริมฝีปากของเธอเบา ๆ “ดี ดี”
…
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสิ่นอี้โจวก็เงยหน้าขึ้น “จริง ๆ ด้วย…มันไม่ได้อารมณ์เลย” จากนั้นก็มีเสียงถุงยางถูกโยนลงบนพื้น และเสิ่นอี้โจวก็โน้มตัวเข้าหาเซี่ยชิงหยวนอีกครั้ง
เซี่ยชิงหยวนเสียอารมณ์หลังจากถูกเขาทรมานและจงใจยั่วยุเขา “แน่จริงก็อย่าถอดสิ ฉันรู้นะว่าที่คุณใส่มันเพราะไม่อยากเสร็จเร็วเหมือนก่อนหน้านี้”
คิ้วและดวงตาของเสิ่นอี้โจวกลายเป็นห้วงลึกเผยให้เห็นแสงแสนอันตราย
มุมปากของเขากระตุก “ผมเสร็จเร็วเหรอ?”
ขณะที่เขาพูด เอวแกร่งก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง “เอาล่ะ มาทำให้เร็วขึ้นกว่าเดิมกันเถอะ’
เมื่อสิ้นสุดคำพูดของเขา เซี่ยชิงหยวนก็กรีดร้องทันพลัน
เธอรีบเอามือปิดปากแน่น
แต่สิ่งที่เร็วกว่ามือเธอก็คือริมฝีปากของเสิ่นอี้โจว “ชู่ววว เงียบไว้”
เซี่ยชิงหยวนกัดริมฝีปากแน่น และพยายามข่มเสียง “ก็อย่าทำแบบนี้สิ…”
เสิ่นอี้โจวจับมือภรรยาขึ้นไว้เหนือหัวของเธอ “ทำยังไงนี่ แบบไหนเหรอ?”
เขาเปลี่ยนทิศทาง “แบบนี้เหรอ?”
ความเร็วก็แปรเปลี่ยน “หรือว่าแบบนี้?”
เซี่ยชิงหยวนร้องไห้ออกมาทันที “คุณรังแกฉัน ฮือ…”
เสิ่นอี้โจวโน้มตัวลง พลางซับน้ำตาของเธอไว้ “นี่ผมปรานีคุณแล้วนะ”
เซี่ยชิงหยวนไม่มีแรงจะสนใจเขาอีกต่อไป เธอรู้แค่ว่าตัวเองจะไม่มีวันเชื่อคำพูดของเขาอีกแล้ว
ส่วนเสิ่นอี้หลินยังคงดูหนังสือภาพที่เซี่ยชิงหยวนซื้อให้เขาภายใต้ผ้าห่ม ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงสั่นครางของเซี่ยชิงหยวน
เขาเปิดม่าน “แม่ พี่สะใภ้เจอหนูหรือเปล่า?”
หลินตงซิ่วเป็นคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน ดังนั้นเธอจึงเดาอะไรได้บ้าง
แค่ตั้งใจฟังก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เจอหนูแล้ว
แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ดังนั้นเธอจึงพูดว่า ‘’คืนนี้ลูกควรรีบเข้านอนนะ เอาไว้อ่านหนังสือในวันพรุ่งนี้นะ”
พฤติกรรมแปลกประหลาดของหลินตงซิ่วนี้ เสิ่นอี้หลินไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม
แต่เขายกผ้าห่มและเตรียมลุกขึ้นเพื่อออกไป
สิ่งนี้ทำให้หลินตงซิ่วกระเด้งลุกทันที
เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะใส่รองเท้า สองเท้ารีบวิ่งออกจากเตียงไปดึงเสิ่นอี้หลิน “นี่ นี่ลูกกำลังจะไปไหน!”
เสิ่นอี้หลินพูดโดยไม่คิด “ไปช่วยพี่สะใภ้ตีหนูไงแม่ หนูขโมยตัวนั้นต้องตัวใหญ่มากแน่นอน และมันอาจจะกัดนิ้วเท้าของพี่สะใภ้ก็ได้ ไม่งั้นพี่สะใภ้จะร้องเสียงดังขนาดนั้นได้ไง?”
เด็กชายผลักมือของหลินตงซิ่วออกไป และหยิบไม้ไผ่เล็ก ๆ ที่เขาวางไว้ข้างประตู “ผมจะออกไปดูเอง”