กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี - บทที่ 145 หวนคืนก่อนได้รับอิสรภาพ
บทที่ 145 หวนคืนก่อนได้รับอิสรภาพ
บทที่ 145 หวนคืนก่อนได้รับอิสรภาพ
หลังจากเซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่วกลับมาถึงบ้าน พวกเธอก็พักผ่อนเป็นเวลาสั้น ๆ และเริ่มทำงานต่ออีกครั้ง
เสิ่นอี้หลินกลับมาจากการวิ่งเล่นข้างนอก และเมื่อเขาเห็นหอยขมจำนวนมากในกะละมัง เด็กชายก็ตะโกนออกมาอย่างมีความสุข
“พี่สะใภ้ไปเจอพวกมันที่ไหนเหรอฮะ?” เขาเอื้อมหยิบมันขึ้นมาดู “มีเยอะมากเลย!”
เซี่ยชิงหยวนตอบ “พี่เคยบอกนายแล้วนี่ว่า มีแม่น้ำอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเราน่ะ วันนี้พี่กับแม่ก็เลยไปจับพวกมันที่นั่นกัน”
เมื่อเสิ่นอี้หลินได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ครั้งหน้าขอผมไปด้วยนะ!”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ได้เลย จริงสิ ตอนที่เราไปวันนี้ เราเจอปลาตัวเล็กเต็มเลยล่ะ พอถึงเวลา นายก็ใช้แหเอาพวกปลากลับมาก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นอี้หลินก็จินตนาการถึงภาพที่เขาจะได้เล่นสนุกในแม่น้ำ
เด็กชายตอบทันที “ตกลง! ผมจะไปเตรียมแหรอเลย!”
หลังจากพูดแล้ว เขาก็วิ่งออกไปอีกครั้งเพื่อไปหาแหจับปลา
เซี่ยชิงหยวนพูดแบบนี้เพราะต้องการดึงดูดความสนใจของเด็กชาย เธอเล็งปลาเหล่านั้นไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอไปที่แม่น้ำกับเสิ่นอี้โจวแล้ว
ปลาเหล่านั้นมีลำตัวยาวประมาณสิบเซนติเมตร กว้างสองนิ้ว ลำตัวแบน
ปลาชนิดนี้ส่วนมากจะเติบโตประมาณนี้ และเหมาะสำหรับทำอาหารทอดที่สุด
ทอดตัวปลาจนกรอบกรุบถึงเนื้อใน กระทั่งก้างซี่เล็กก็กินได้
จากนั้นนำพวกมันมาผสมกับเครื่องปรุงที่เธอทำขึ้นเอง แค่คิดถึงก็น้ำลายสอแล้ว
อีกทั้งปลาเหล่านี้ยังมีปริมาณมาก จึงจับมาขายได้ด้วย
ตราบใดที่คุณต้องการทำเงินและลองทำดู แล้วจะเก็บเงินไม่ได้ได้อย่างไร?
หลังจากเซี่ยชิงหยวนคุยกับเสิ่นอี้หลินเสร็จแล้ว เธอก็หันหลังกลับมาทำงานอีกครั้ง
วันนี้อาหารที่จะทำขายมีจำนวนเยอะมาก ดังนั้นหญิงสาวต้องรีบทำหน่อย
แม้หลินตงซิ่วจะเป็นคนอ่อนโยน แต่เมื่อถึงเวลาทำงาน เธอก็มีทักษะทำอาหารที่ดีเช่นกัน
แม้เซี่ยชิงหยวนจะมีประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารและเรียนรู้งานฝีมือจากความทรงจำในชาติก่อน
แต่ทั้งความแข็งแรงและผลงานของเธอเทียบกับหลินตงซิ่วไม่ได้จริง ๆ
หลินตงซิ่วพาเธอไปลวกผักกูดในน้ำเดือด จากนั้นแช่ไว้ในกะละมัง ประกบมือเข้าด้วยกันแล้วขัดล้างอย่างระมัดระวัง
มีชั้นขนละเอียดอยู่บนพื้นผิวของผักกูด ซึ่งขนบางส่วนจะถูกชะออกระหว่างทำความสะอาด และบางส่วนก็จะหลุดออกระหว่างลวกต้มด้วย
และสุดท้าย ขนผักกูดที่เหลือจะถูกล้างด้วยมือ
แม้จะไม่ต้องทำก็ได้ แต่ในเมื่อลงมือทำแล้ว เซี่ยชิงหยวนจึงต้องการทำให้ดีที่สุด
ลูกค้าซื้ออาหารจากเธอด้วยความคาดหวังว่า พวกเขาได้ทานอาหารสะอาดอย่างที่บ้านของตนทำ
นี่เป็นแนวคิดที่เธอยึดถือมาตลอดในการดำเนินธุรกิจอาหาร
…
เซี่ยชิงหยวนกับหลินตงซิ่วเตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยในช่วงบ่าย จากนั้นคนทั้งสองก็ขี่รถไปยังตลาดขายผัก
วันนี้พวกเธอออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ เนื่องจากอาหารที่พวกเธอนำมาวันนี้หนักกว่าวันอื่น ๆ อีกทั้งหญิงสาวต้องการไปดูหน้าร้านเช่าซึ่งเสิ่นอี้โจวกล่าวถึงล่วงหน้าด้วย
เธอนั่งพูดคุยกับหลินตงซิ่วและเจียงเพ่ยหลานครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินไปดูที่ร้านซึ่งเปิดให้เช่า
ต่อมา เซี่ยชิงหยวนก็พบว่าทำเลร้านเช่าตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่พวกเธอขายสลัดผักเย็น มันห่างไปราวหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
ฝั่งตรงข้ามเป็นทางเข้าสู่ย่านขายหมูและผัก ซึ่งลูกค้าที่จะเข้าตลาดเพื่อซื้อผักจะต้องผ่านหน้าร้านนี้แน่นอน
อีกทั้งร้านค้าข้าง ๆ ก็เป็นร้านขายของชำ ฉะนั้นมันจึงไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเธอ หากจะขายอาหารจานเย็นอย่างสลัดผัก
กล่าวได้ว่าทำเลร้านนี้ดีมากจริง ๆ
ประตูร้านเปิดแง้มอยู่ มีคำว่า ‘ให้เช่า’ ติดอยู่ที่บานประตู
ตัวอักษรด้านล่างมีขนาดใหญ่ และข้อความขนาดเล็กสองสามบรรทัด ซึ่งว่าด้วยเงื่อนไขสำหรับผู้เช่าในอนาคต
เซี่ยชิงหยวนกวาดมองอย่างรวดเร็วและพบว่าสิ่งที่เขียนบนนั้นตรงกับที่เสิ่นอี้โจวพูดทุกประการ
เธอก้าวเคาะประตู “ขอโทษค่ะ มีใครอยู่ไหมคะ?”
เธอยืนที่ประตูและมองเข้าไปข้างใน
หญิงสาวพบว่าพื้นที่ภายในร้านมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ผนังด้านหลังมีประตูบานเล็กและหน้าต่างเปิดอยู่ จึงมองเห็นสนามหญ้าทางด้านหลังได้ เซี่ยชิงหยวนคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องครัว และสวนหลังบ้านที่เจ้าของอาศัยอยู่ตามที่เสิ่นอี้โจวเคยพูดไว้
เซี่ยชิงหยวนตกหลุมรักร้านนี้ตั้งแต่แรกเห็น
ในไม่ช้า หญิงชราคนหนึ่งก็เดินออกมาจากหลังประตู
ผมดอกเลาของหญิงชราถูกหวีเรียบไปทางด้านหลัง ส่วนเสื้อผ้าก็ดูเรียบร้อย อีกทั้งหล่อนยังดูเป็นคนที่ละเอียดและเรียบร้อยคนหนึ่ง
เมื่อหญิงชราเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็ถามทันทีว่า “เธอมาที่นี่เพื่อเช่าร้านหรือเปล่า?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้าและยิ้มให้หญิงชรา “ใช่ค่ะ คุณป้า”
หญิงชราถามอีกครั้ง “เธออ่านข้อกำหนดที่แปะไว้ที่ประตูของฉันทั้งหมดหรือยัง?”
เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ฉันอ่านแล้วค่ะ”
สีหน้าของหญิงชราผ่อนคลายลง จากนั้นก็พูดว่า “ข้อกำหนดที่ฉันเขียนไว้ เธอแน่ใจนะว่าทำตามได้น่ะ?”
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีคนมาเช่าหน้าร้านหรอก ทีแรกก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าได้ แต่สุดท้าย พวกเขาก็ไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของหญิงชราได้
ผู้เช่าคนล่าสุดของหล่อนก็ถูกยกเลิกสัญญาเพราะสาเหตุนี้เช่นกัน
เซี่ยชิงหยวนกลับไม่ถือสาหญิงชราสักนิด “ฉันไม่มีปัญหาค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังขายสลัดผักอยู่ และเมื่ออากาศเย็นลง ฉันจะทำสตูว์ผัก ดังนั้นฉันคิดว่าตัวเองสามารถทำตามเงื่อนไขของคุณได้โดยไม่มีปัญหาค่ะ”
“สลัดผัก?” หญิงชราเลิกคิ้ว “เธอคือเจ้าของแผงขายสลัดผักที่ขายกับผู้หญิงอีกคนที่ทางเข้าตลาดใช่ไหม?”
เซี่ยชิงหยวนตอบทันที “ใช่ค่ะ”
หญิงชราพยักหน้า “สามีของฉันเคยไปซื้อสลัดเย็นของเธอแล้ว รสชาติค่อนข้างดีทีเดียว”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่าเธอจะได้พบกับลูกค้าของตัวเอง
หญิงสาวยิ้มและพูดว่า “วันนี้ฉันทำมาขายเพิ่มเยอะเลยค่ะ แล้วฉันจะนำมาส่งให้คุณทีหลังนะคะ”
หญิงชราโบกมือหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “ไม่ ไม่ต้องหรอก ฉันแค่พูดให้ฟังเฉย ๆ เอาล่ะ งั้นฉันจะให้เธอเช่าแบบเดียวกับผู้เช่าคนก่อน ค่าเช่าเดือนละหนึ่งร้อยหกสิบหยวน ไม่มีการต่อรอง”
หญิงสาวผงกหน้ารับ “ฉันรับราคานี้ได้ค่ะ ถ้าคุณสะดวก ฉันขอย้ายเข้ามาขายวันพรุ่งนี้เลยนะคะ!”
เซี่ยชิงหยวนไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นไปอย่างราบรื่นแบบนี้
ราคาเช่าหนึ่งร้อยหกสิบหยวนถือว่าคุ้มมาก
เมื่อได้ยินแบบนี้ หญิงชราก็ยิ้มทันที “สาวน้อย เธอรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยตรง ๆ “ร้านดี ๆ แบบนี้ ฉันย่อมต้องเริ่มงานให้เร็วที่สุดค่ะ”
หญิงชราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เธอเป็นคนแรกเลยนะที่บอกว่าร้านของฉันดีน่ะ”
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นคำขอของหล่อน พวกเขาก็เริ่มเถียงกลับทันที
พวกเขากล่าวด้อยค่าร้านค้าของเธอจนแทบไม่มีอะไรดี เพื่อให้หล่อนกำหนดเงื่อนไขน้อยลง ฉะนั้นคนพรรค์นั้นจะชื่นชมหน้าร้านของเธอได้อย่างไร?
หญิงชราจึงมีความประทับใจต่อเซี่ยชิงหยวนมากขึ้น
จากนั้นทั้งสองจึงตกลงที่จะมาทำสัญญาและชำระค่าเช่ากันในวันรุ่งขึ้น
ระยะเวลาการเช่าคือหนึ่งปี จ่ายงวดแรกคือสามเดือน และเดือนถัดไปก็จ่ายทีละเดือน
ก่อนหน้านั้น เงินโบนัสแปดร้อยหยวนของเสิ่นอี้โจวยังอยู่ในธนาคาร และเซี่ยชิงหยวนยังได้ให้เงินแก่ครอบครัวของเธออีกสามร้อยหยวนตอนที่กลับไปยังหมู่บ้านซิ่งฮวา เธอในตอนนี้จึงมีเพียงเงินสดที่ได้รับจากการขายของในช่วงเวลานี้เท่านั้น
เธอคำนวณดู เงินทั้งหมดรวมแล้วประมาณเกือบหกร้อยหยวน
เมื่อชำระค่าเช่าด้วยเงินสดที่มี เงินหกร้อยหยวนในมือก็ใกล้จะหมดแล้ว
ราวกับหญิงสาวได้หวนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนได้รับอิสรภาพทางการเงินก็ไม่ปาน
แต่เซี่ยชิงหยวนก็ไม่ท้อถอยเช่นกัน เธอกลับมีความมั่นใจมากขึ้น
เธอเชื่อว่าหากมีร้านค้าแล้ว เธอจะทำเงินได้มากขึ้นแน่นอน!